ตำรวจไซเบอร์ CCIB ปากเกร็ด บุกรวบเครือข่าย Romance Scam แสร้งรักผ่านแอปหาคู่ โดยออกอุบายหลอกลวงเหยื่อเป้าหมายลงทุนคริปโตเสียหายรวมกว่า 43 ล้าน
จากผลการปฏิบัติงานภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สั่งการให้ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1, ร.ต.อ.ฤทธิไกร ขุนท้าวเทียม และ ร.ต.ต.สนทยา มะลิพรม รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันดำเนินการจับกุม โดยการเปิดเผยของ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. - CCIB ระบุว่าสืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าได้รู้จักบุคคลซึ่งเป็นคนร้ายผ่านแอปพลิเคชัน Tinder ต่อมาได้พูดคุยผ่านทางแอปลิเคชัน Line ซึ่งบุคคลดังกล่าวใช้บัญชีไลน์ชื่อ Wichai ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดเหรียญดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มลงทุน Terra ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพื่อไปลงทุน รวมจำนวน 43,922,000 บาท แต่ภายหลังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้แต่อย่างใด ซึ่งผู้เสียหายสงสัยว่าตัวเองจะโดนมิจฉาชีพต้มตุ๋นหลอกลวง จึงได้รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงได้ทำการรวบรวมเอกสารตลอดจนพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลอาญาธนบุรี กระทั่งวันที่ 2 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 16.50 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุมไปทำงานอยู่ ย่านเจริญนคร ซอย 14 ต่อมา พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบนายพลพัฒน์ อายุ 35 ปี ชาว จ.ยโสธร ผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงได้ทำการจับกุมตัว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” โดยตำรวจไซเบอร์ได้เข้าทำการควบคุมตัวได้บริเวณริมถนนซอยเจริญนคร 14 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ฯ กล่าวว่า ในเบื้องต้น นายพลพัฒน์ ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าวจริง แต่เป็นเพียงผู้รับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นอื่นใดในการกระทำความผิด จากการสืบสวนบัญชีดังกล่าวถูกใช้ในการกระทำความผิดโดยผู้เสียหายได้โอนเงินเข้ามาในบัญชี ก่อนที่เงินส่วนนั้นจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพยักย้ายถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นต่อไป