xs
xsm
sm
md
lg

ขึ้นค่าแรง 450 บาท/วัน กระทบต้นทุนอสังหาฯ ชี้ราคาบ้านขยับแน่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวันภายใน 100 วันแรกหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จตามนโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 และกลายเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคการผลิตหลายแห่งทยอยปลดพนักงานเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมตัวรับมือต้นทุนแรงงานและต้นทุนการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตหากมีการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในทันที

ขณะที่อีกหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็งเพื่อการส่งออก ซึ่งประกาศเตรียมย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อบ้านอย่างเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีค่าแรงที่ต่ำกว่าไทย และยังมีมาตรการสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนที่น่าดึงดูดไม่แพ้ประเทศไทย ในขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกังวลว่าต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นจากการปรับค่าแรงเป็น 450 บาทต่อวัน จะมีผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อที่จะตามมา

สุรเชษฐ กองชีพ
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า การจะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวันทันทีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐบาลแบบเป็นทางการ เพราะเป็น 1 ในนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง ซึ่งการปรับเพิ่มของค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยอาจจะมีที่ตามมาหลายอย่าง โดยเฉพาะในด้านที่เป็นลบต่อคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มที่รับค่าแรงขั้นต่ำ และกลุ่มเจ้าของกิจการต่างๆ

ค่าแรงขั้นต่ำเป็นอีก 1 ปัจจัยที่กำหนดค่าครองชีพของทุกประเทศ ทั้งในเรื่องของรายได้ของคนทำงาน และในเรื่องของค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยในส่วนของฝั่งรายได้ของคนทำงานอาจจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรในทางลบมากนัก เพราะรายได้มากขึ้นก็ใช้จ่ายมากขึ้น แต่ในทางกลับกันในฝั่งของผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการต่างๆ เมื่อค่าใช้จ่ายด้านแรงงานมากขึ้นก็เป็นธรรมดาที่ต้องหาทางชดเชยรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ดังนั้น การปรับเพิ่มของค่าแรงงานขั้นต่ำอาจจะมีผลให้ราคาสินค้าต่างๆ แพงขึ้นแบบชัดเจน และได้รับผลกระทบทางลบโดยตรงต่อคนในวงกว้างมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอาจจะไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมาก็ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มของสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องใช้แรงงานคนในการผลิต ซึ่งแน่นอนว่าอาหารรูปแบบต่างๆ ปรับเพิ่มราคาขึ้นแน่นอน

สำหรับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การปรับเพิ่มของค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ประมาณ 328-354 ต่อวันแล้วแต่จังหวัด เป็นการเพิ่มขึ้นถึงวันละ 100 หรือมากกว่า 100 บาท ซึ่งแน่นอนว่าในมุมของแรงงานเป็นผลดีแน่นอน แต่ในมุมของเจ้าของธุรกิจและอุตสาหกรรมไม่เป็นผลดีแน่นอน ซึ่งถ้าการปรับเพิ่มของค่าแรงขั้นต่ำเริ่มชัดเจนมากขึ้นอาจจะได้เห็นการปิดกิจการของโรงงานที่ใช้แรงงานจำนวนมากแน่นอน

เนื่องจากโรงงานที่รับผลิตสินค้าที่ใช้แรงงานคนจำนวนมากอาจจะเลือกที่จะไปตั้งโรงงานที่ประเทศอื่นที่มีค่าแรงงานต่ำกว่า หรือโรงงานที่รับจ้างผลิตสินค้าจากต่างประเทศโดยมีฐานการผลิตในประเทศไทยแล้วรับออเดอร์คำสั่งการผลิตจากประเทศต่างๆ อาจจะมีคำสั่งการผลิตสินค้าลดลงหรือหายไปเลย เพราะเมื่อค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่ม เจ้าของโรงงานจำเป็นต้องมีการปรับค่ารับจ้างการผลิตสินค้าต่างๆ มากขึ้นจนอาจจะไม่มีใครจ้างผลิตสินค้าอีกต่อไป โดยเหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในช่วงมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันเมื่อหลายปีก่อน


ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์เมื่อค่าแรงงานขั้นต่ำมีการปรับเพิ่มขึ้นมีผลกระทบแน่นอน เพราะราคาวัสดุก่อสร้างทุกอย่างต้องปรับเพิ่มทั้งหมด เพราะมีการใช้แรงงานในการผลิต รวมไปถึงการก่อสร้างโครงการต่างๆ ก็เช่นกันที่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถ้ารัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นแบบทันทีเป็น 450 บาทต่อวัน เท่ากับว่าปรับเพิ่มจากปัจจุบันที่อยู่ในช่วง 350 บาทต่อวันประมาณ 29% เป็นการปรับเพิ่มที่สูงมาก เพราะก่อนหน้านี้ค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่มประมาณ 4-6% ต่อปี ซึ่งเมื่อค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่มแบบนี้ ค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นทันทีและสุดท้ายแล้วค่าบ้าน คอนโดมิเนียมจะต้องแพงขึ้นแน่นอน

ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี 2566 ก็ปรับเพิ่มขึ้นไปประมาณ 5-10% ไปแล้ว ทั้งค่าแรงในระดับต่างๆ อาจจะมีการปรับเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ ก่อนหน้านี้ ปรับเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงตามราคาน้ำมันไปหลายรอบแล้ว 

นอกจากนี้ ค่าเช่าในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมต้องปรับเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้นมากหรือน้อยแล้วแต่จำนวนแรงงานที่ใช้ในโครงการแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมก่อสร้างและในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานอื่นๆ อาจจะมีเพิ่มขึ้น ชาวต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านอาจจะเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

เพราะค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มนี้ รวมไปถึงค่าแรงที่จ่ายให้แรงงานต่างชาติด้วย ซึ่งใน ปัจจุบันมีจำนวนหลายล้านคนในหลายอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานต่างชาติ เพราะคนไทยเปลี่ยนไปทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงงานมากเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแรงงานฝีมือในอุตสาหกรรมก่อสร้างเท่านั้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นคนไทย แต่ในอนาคตไม่แน่ที่อาจจะมีแรงงานต่างชาติในสัดส่วนที่มากขึ้น และสิ่งที่ต้องติดตามต่อในระยะยาว คือ ผลกระทบจากการปรับเพิ่มของค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดดจะส่งผลอะไรในระยะยาวหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่าเมื่อปรับเพิ่มไปแล้วจะปรับลดลงมาอีกไม่ได้

พีระพงศ์ จรูญเอก
นายวสันต์ เคียงศิรินายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า กรณีของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน จากที่ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 328-354 บาท/วันนั้น ต้องดูว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นจะช่วยแรงงานจริง หรือจะเป็นตัวถ่วง เพราะการปรับขึ้นค่าแรงมีผลกระทบแน่นอนทั้งค่าครองชีพ เงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นอย่างแน่นอน


นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นอยากให้รัฐบาลทยอยปรับขึ้น หรือปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าการปรับขึ้นแบบทันทีทันใด เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้โดยไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป เช่น ปรับขึ้นจาก 350 บาท/วัน เป็น 400 บาท/วันไปก่อน ซึ่งนอกจากจะลดผลกระทบเจ้าของธุรกิจแล้ว ยังช่วยให้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อไม่ร้อนแรงจน สุดท้ายแล้วภาระดังกล่าวจะกระทบทุกคน

"อยากให้คำนึงในเรื่องของปัญหาเงินเฟ้อด้วย เพื่อไม่ให้มาเป็นภาระของเอกชนในภายหลัง โดยเฉพาะนโยบายทำทันทีปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450-600 บาท รวมถึงนโยบายชดเชยค่าโดยสารสาธารณะเพื่อลดราคาค่าโดยสาร เป็นต้น ซึ่งต้องชื่นชมเป็นนโยบายที่ดี แต่ทั้งนี้ล้วนแล้วแต่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินทั้งสิ้น" นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าว

ประทีป ตั้งมติธรรม
นโยบายปรับขึ้นค่าแรงใหม่ มีผลต่อราคาบ้านแพงขึ้น

ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องค่าแรงที่พรรคที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประกาศที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ว่า เนื่องจากเป็นรัฐบาลผสม ต้องมีการคุยกัน ไม่ใช่เป็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง ต้องไปตกผลึกกัน และต้องมีภาคเอกชนเข้ามาเป็นคณะกรรมการพิจารณาร่วมในเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง ซึ่งผมบอกว่าเหมาะสม และรัฐบาลต้องมีวิธีการเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และหามาตรการช่วยและชดเชยธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีผลกระทบ

"ถ้าตอบแทนในนามศุภาลัย เราไม่มีปัญหา ค่าแรงเท่าไร เราปรับขึ้นตามนั้น เรายอมปฏิบัติ แต่เราห่วงกลุ่มเอสเอ็มอี ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการ เช่น ร้านอาหารที่มีขนาดเล็ก โรงงานเล็กๆ ที่มีลูกค้าจ้าง ตรงนี้ถ้าขึ้นค่าแรงแล้ว ธุรกิจรับได้หรือไม่ เห็นว่ารัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือ แต่อย่างเร็วที่สุดกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เรื่องค่าแรงคงไม่ทันปีนี้ ต้องรอปี 2567" 

“ยอมรับว่าหากค่าแรงขึ้นราคาบ้านต้องแพงขึ้น เนื่องจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจะต้องพิจารณาในเรื่อง 1.ที่ดินปรับขึ้นตามความเจริญของระบบสาธารณูปโภค ตอนนี้ที่ดินหายากมากขึ้น 2.ค่าก่อสร้างที่ปรับขึ้นตามราคาของวัสดุก่อสร้าง ค่าขนส่ง และค่าแรงที่ปรับขึ้นมีผลต่อราคาบ้านเช่นกัน”

 'ประทีป ตั้งมติธรรม' มองต่างหวัง "ศก.ไทย" ฟื้นดีขึ้น

ดร.ประทีป กล่าวถึงความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) รวม 8 พรรคการเมืองว่า ผมอ่านรายละเอียดใน MOU ผมพอใจ ผมว่าดีและชัดเจนในเรื่องของการมีลงนาม MOU ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมี มั่วๆ แยกกระทรวงกัน และตนมองว่า การจัดตั้งรัฐบาลใหม่คงไม่น่าจะยืดเยื้อ และเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และมีความหวังทุกอย่างจะดีขึ้น และหวังต่อจากนี้ไปเรื่องคอร์รัปชันคงจะลดลง เรื่องการปฏิรูประบบราชการ

ในเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่จะต้องดำเนินการนั้น ในมุมส่วนตัวแล้วตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวก็ดี เศรษฐกิจโลกก็ค่อยๆ ดีขึ้น การส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทุกอย่างเริ่มนิ่ง และหลายพรรคมีนโยบายที่จะเพิ่มกำลังซื้อ พัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้น

"ระยะปานกลางจะฟื้นตัว เศรษฐกิจดีขึ้น นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น รวมถึงการส่งออก ธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เคยซบเซาในช่วงโควิดเริ่มกลับมาเชื่อมั่นมากขึ้น ทุกอย่างดีขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคน่าจะดีตามไปด้วย ไม่ใช่ด้อยลง แต่มีอย่างเดียวที่เพิ่มขึ้น คือ อัตราดอกเบี้ย แต่เรื่องพลังงาน ค่าไฟฟ้าเริ่มลดลง และไม่สูง ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างที่เคยสูงอยู่ก่อนหน้านี้ เริ่มลดลงบ้าง"

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม
บริหารลูกค้ากู้ซื้อบ้านลดความเสี่ยงแบงก์ไม่ปล่อยกู้

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัยฯ กล่าวถึงสถานการณ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารว่า ทางศุภาลัยมีการสื่อสารกับธนาคารตลอด มีการตรวจเช็กเครดิตลูกค้า แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า อย่างไรก็ดี ศุภาลัยได้หาวิธีที่จะช่วยเหลือลูกค้า โดยมีโปรแกรมให้ลูกค้าในบางโครงการที่มีความต้องการซื้อที่อยู่กับของศุภาลัย แต่ยังไม่สามารโอนกรรมสิทธิ์ได้ ทางโครงการจะให้ลูกค้าเช่าอยู่และโอนกรรมสิทธิ์หลังจากลูกค้าปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยนำเงินค่าเช่ามาเป็นส่วนหนึ่งของเงินดาวน์

"ยอดโอนกรรมสิทธิ์ของศุภาลัยปีนี้ แม้ไตรมาสแรกจะไม่มีโอนคอนโดมิเนียมใหม่ ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าไตรมาสแรกจะต่ำสุดของปีอยู่แล้ว แต่นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 และไปจบไตรมาสสุดท้าย จะเริ่มมีตัวเลขที่มาจากการโอนคอนโดฯ มุมนั้นดีขึ้นแน่ ขณะที่ยอดโอนแนวราบเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง" นายไตรเตชะกล่าว

สำหรับลูกค้าชาวจีนที่ซื้อโครงการคอนโดฯ ของศุภาลัย ที่ค้างมา 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มเข้ามาโอนห้องชุดพอสมควร กลับมาโอนหลักหลายสิบราย


กำลังโหลดความคิดเห็น