DBSV ประเมินนโยบายขึ้นภาษีนิติบุคคลทุนใหญ่จาก 20% เป็น 23% ในช่วงกำไรเกิน 300 ล้านบาท ของพรรคก้าวไกล กระทบหุ้นใหญ่ใน SET50 เบื้องต้นประเมินกระทบกำไรสุทธิประมาณ 3.5-3.7% พร้อมแนะปรับกลยุทธ์ลงทุน หันเก็บหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีสตอรี่เด่นแทน
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSV) เปิดเผยถึงนโยบายด้านภาษีของพรรคก้าวไกล เรื่องลดภาษี SME และขึ้นภาษีทุนใหญ่ว่าจะเป็นปัจจัยที่กระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยนโยบายดังกล่าวจะช่วยเหลือ SME ในการลดอัตราภาษีเงินได้ แต่ขณะเดียวกัน เพื่อไม่ให้สูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี จึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับทุนใหญ่ โดยมีแนวคิดเบื้องต้นในการจัดเก็บคือ เก็บภาษีในช่วงที่กำไรเกิน 300 ล้านบาท จากอัตราปกติที่ 20% เป็น 23%
จากข่าวนี้ประเมินว่า มีส่วนทำให้ราคาหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ใน SET ที่ปรับตัวลงมากในช่วงแรกที่ผลการเลือกตั้งออกมา พร้อมกับนโยบายต่างๆ จากการศึกษาหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET 50 เพื่อเป็นตัวแทนหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ พบว่า หลักทรัพย์ในลำดับท้ายๆ เช่น COM7 และ TTW มีกำไรสุทธิปี 65 จะอยู่ที่ราว 3 พันล้านบาท ดังนั้นในการศึกษาจึงเริ่มต้นจากกำไรก่อนภาษี (EBIT) ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท จนถึง 20,000 ล้านบาท
ในการประเมิน จะเป็นการเปรียบเทียบจำนวนภาษีเงินได้ที่เสียในระดับปกติที่ 20% กับที่เสียในอัตราที่สูงกว่า 23% เฉพาะในส่วนที่เกิน 300 ล้านบาท นั่นแสดงว่าไม่ว่าจะเป็นระดับกำไร EBIT ที่เท่าใดก็ตามจะต้องมีภาษีในส่วนที่คงที่ก่อนคือ 60 ล้านบาทเสมอ (300 ล้านบาท คิดอัตราภาษีที่ 20%) และส่วนกำไรที่มากกว่า 300 ล้านบาท จึงจะเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้นคือ 23%
สรุปผลการศึกษา พบว่าในที่สุดแล้วกำไรสุทธิจะปรับลดลงในอัตรา 3.5-3.7% ขึ้นกับจำนวนของ EBIT ยิ่งมากก็จะยิ่งลดลงในอัตราที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราที่ลดลงไม่ถึงกับมาก ยังไม่เกิน 5% แต่เป็น sentiment ด้านลบกับตลาดไปก่อน
ปรับกลยุทธ์ไปเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มที่มีขนาดกลาง-เล็ก หรือหุ้นที่มี Story เพื่อหลบหลีกในเรื่องข้างต้น ประกอบกับพฤติกรรมนักลงทุนต่างชาติที่เป็นขายสุทธิมาอย่างต่อเนื่องใน MTD/YTD เป็น -22/-86 พันล้านบาท จึงอาจจะมีส่วนในการขายหุ้นขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในพอร์ตออกมา