นักลงทุนจำนวนมากขึ้นเลือกลงทุนกับบิตคอยน์มากกว่าดอลลาร์หากเกิดสถานการณ์ที่อเมริกาผิดนัดชำระหนี้ โดยสินทรัพย์ปลอดภัยอันดับหนึ่งยังคงเป็นทองคำ ตามด้วยพันธบัตรคลังสหรัฐฯ ทั้งนี้ จากผลสำรวจของบลูมเบิร์ก นอกจากนี้นักลงทุนยังคาดว่า ดอลลาร์จะอ่อนลงหากอเมริกาผิดนัดชำระหนี้ซึ่งจะไปกระตุ้นกระแสการลดการสำรองเงินดอลลาร์อีกทอด
ผลสำรวจ Markets Live Pulse (MLIV) ล่าสุดของบลูมเบิร์กที่สอบถามนักลงทุนว่า จะซื้อสินทรัพย์ใดหากอเมริกาก่อหนี้จนเต็มเพดานที่กำหนดไว้ ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือ ทองคำยังคงเป็นตัวเลือกแรกของนักลงทุนมืออาชีพ 51.7% และนักลงทุนรายย่อย 45.7%
อันดับสองคือพันธบัตรคลังสหรัฐฯ ที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนมืออาชีพ 14% และนักลงทุนรายย่อย 15.1% ตามด้วยบิตคอยน์ที่ได้รับเลือก 7.8% และ 11.3% ตามลำดับ เทียบกับดอลลาร์ที่ได้แค่ 7.8% และ 10.2%
ทั้งนี้ อเมริกาอาจผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิถุนายน หากสมาชิกรัฐสภาไม่อนุมัติการขยายเพดานหนี้ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนที่รัฐบาลจะถังแตก
ผลสำรวจ MLIV ของบลูมเบิร์กยังพบว่า นักลงทุน 41% คาดว่า ดอลลาร์จะอ่อนลงหากอเมริกาผิดนัดชำระหนี้ซึ่งจะไปกระตุ้นกระแสการลดการสำรองเงินดอลลาร์อีกทอด
ขณะเดียวกัน บิตคอยน์กลับมีแรงดึงดูดมากขึ้นจากการที่ราคาพุ่งแรงในช่วงวิกฤตการธนาคารที่จุดชนวนจากการล้มของซิลิคอน แวลลีย์ แบงก์
ก่อนหน้านี้ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดเคยให้สัมภาษณ์กับบิสเนส อินไซเดอร์ว่า กลไกการกระจายศูนย์ของบิตคอยน์ และการคาดการณ์ว่า อเมริกาจะผิดนัดชำระหนี้อาจดันราคา BTC ทะยานขึ้นอีกราว 20,000 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์อีกหลายคนยังเปิดเผยกับบิสเนส อินไซเดอร์ว่า มีแนวโน้มว่า ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นเช่นเดียวกันหากอเมริกาผิดนัดชำระหนี้ สืบเนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมถึงการที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังคงกว้านซื้อทองคำ และการที่ทั่วโลกผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
ในส่วนพันธบัตรคลังสหรัฐฯ นั้น ยูบีเอสเคยทำนายว่า ราคาจะเพิ่มขึ้นหากไม่มีการขยายเพดานหนี้เนื่องจากมีแนวโน้มสูงสุดที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัว ขณะที่นักลงทุนยังคงมองว่า พันธบัตรคลังสหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
การสำรวจนี้สอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง 637 คน โดยจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 พฤษภาคม ซึ่งตลาดการเงินกำลังกังวลมากขึ้นกับประเด็นเพดานหนี้ของอเมริกา
ต้นเดือนนี้ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เตือนว่า อเมริกาเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 เดือนหน้า
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศก่อนหน้านี้ว่า ถ้าไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้และอเมริกาต้องผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อทั่วโลก
จากการสำรวจของบลูมเบิร์ก ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบ 60% ระบุว่า ความเสี่ยงครั้งนี้มากกว่าเมื่อปี 2011 และ 41% เชื่อว่า การผิดนัดชำระหนี้เป็นอันตรายโดยตรงต่อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก
