สำนักงาน ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์เสนอขายหุ้นบริษัทโฮลดิ้งเน้นกลไกดูแล บริษัทย่อย-บริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจหลักอย่างเหมาะสม มีผลบังคับใช้เริ่ม 16 พ.ค.นี้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขายหลักทรัพย์ในเรื่องกลไกการกำกับดูแลบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (holding company) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดข้อจำกัดในการประกอบธุรกิจของ holding company โดยปรับให้สอดคล้องกับรูปแบบการร่วมทุนในปัจจุบันที่มีความหลากหลาย และยังคงหลักการกำกับดูแลบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจหลักอย่างเหมาะสม มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2566
ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ในการประชุม ครั้งที่ 11/2565 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ในเรื่องกลไกการกำกับดูแลบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจหลักของ holding company เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดข้อจำกัดในการประกอบธุรกิจยิ่งขึ้น โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 แล้วนั้น
คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาต ดังนี้
(1) เพิ่มข้อกำหนดรองรับกรณี holding company ที่ขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์มีข้อจำกัดหรือมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถส่งบุคคลเข้าเป็นกรรมการของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจหลักได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยให้ holding company ต้องมีกลไกที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า สามารถกำกับดูแลการบริหารจัดการ หรือการตัดสินใจเรื่องที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจหลักตามสัดส่วนการถือหุ้นได้
(2) เพิ่มช่องทางให้ holding company สามารถส่งบุคคลที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการของ holding company มีมติเห็นชอบไว้แล้ว ไปเป็นกรรมการของบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจหลักได้โดยไม่ต้องอนุมัติเป็นรายบุคคล จากปัจจุบันที่กำหนดให้คณะกรรมการต้องอนุมัติเป็นรายบุคคลเท่านั้น
(3) ยกเลิกหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ holding company ต้องส่งบุคคลเข้าเป็นผู้บริหารของบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยให้คณะกรรมการของบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมเป็นผู้สรรหาบุคคลที่เหมาะสมเอง
ทั้งนี้ หลักการที่ปรับปรุงดังกล่าวได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป