อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย ประเดิมไตรมาสแรกปี 66 กวาดรายได้ 1,055.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.27% จากยอดขายต่างประเทศ พร้อมย้ำเป้าหมายการเติบโตตามเป้าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดการณ์ธุรกิจช่วงที่เหลือของปียังเติบโตสดใสต่อเนื่องจากไตรมาสแรก
ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า และภายใต้ตราสินค้าของบริษัท เช่น อังเคิลบาร์นส์, เบสท์ โอเดอร์ และ super-find เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,055.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและให้บริการ 984.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 146.74 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายต่างประเทศที่เติบโตถึง 41.46% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งและซอส ที่มีอัตราการเติบโต 20.16% และเมื่อแบ่งตามประเภทของกลุ่มลูกค้า จะพบว่าเป็นลูกค้ากลุ่มกิจการค้าปลีกทั่วไปที่มียอดขายเติบโตสูงสุด อยู่ที่ 86.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาได้แก่กลุ่มลูกค้ากิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่เติบโต 23.21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2566 บริษัทยังคงวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 15-20% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม จำนวน 3,968.31 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการขยายตลาดต่อเนื่อง หลังมรสุมที่มีความผันผวนจากความท้าทายจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก วิกฤตความขัดแย้งระหว่างประเทศ วิกฤตราคาพลังงาน รวมถึงสถานการณ์อาหารโลก และอื่นๆ เริ่มคลี่คลาย ส่งผลโดยรวมที่ดีต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเร่งเดินหน้าขยายตลาดและเพิ่มไลน์ผลิตในต่างประเทศเต็มระบบสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
“ที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่มของ RBF มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งนับเป็นผลดีต่อการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 กลุ่มของบริษัทฯ ได้แก่ 1.กลุ่มวัตถุแต่งกลิ่น รสและสีผสมอาหาร 2.กลุ่มแป้งและซอส 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์อบแห้ง 4.กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง 5.กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และ 6.กลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาขายไป บริษัทฯ จึงมั่นใจว่ารายได้ในปี 2566 จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน” ดร.สมชาย กล่าว