ผลิตไฟฟ้า แจ้งกำไรงวดนี้ 2,022 ล้านบาท และมีรายได้รวม 15,125 ล้านบาท ผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าเคซอน และซานบัวนาเวนทูรา ฟิลิปปินส์ เตรียมยื่นประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่วนขยายที่จะเปิดรอบเพิ่มเติมของภาครัฐ และแสวงหาโอกาสลงทุนธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้รวม 15,125 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,022 ล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนหลักจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าเคซอน และซานบัวนาเวนทูรา ฟิลิปปินส์ เดินหน้าเตรียมพร้อมยื่นประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่วนขยายที่จะเปิดรอบเพิ่มเติมของภาครัฐ และแสวงหาโอกาสลงทุนธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
โดย EGCO หาโอกาสในการสร้างความเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนของต้นทุนเชื้อเพลิงและสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน ด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความสามารถในการบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนอย่างเหมาะสม ในไตรมาสนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการปิดดีลโรงไฟฟ้า “ไรเซ็ก” กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จของเอ็กโก กรุ๊ป ในตลาดไฟฟ้าระดับโลก ต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้า “ลินเดน โคเจน” และโครงการ “เอเพ็กซ์” ปูทางสู่ความร่วมมือทางธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติควบคู่กับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีคุณภาพสูงในตลาดไฟฟ้าของประเทศสหรัฐอเมริกาในอนาคต
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เอ็กโก กรุ๊ป มีรายได้รวม 15,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 และมีกำไรสุทธิ 2,022 ล้านบาท ลดลง 51% หรือ 2,093 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากโรงไฟฟ้าพาจู อีเอส ในเกาหลีใต้ โรงไฟฟ้าไซยะบุรีและโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ใน สปป.ลาว มีปริมาณการขายไฟฟ้าลดลง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าเคซอน และซานบัวนาเวนทูรา ในฟิลิปปินส์
ปัจจุบัน EGCO มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า “เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย” จังหวัดระยอง กำลังผลิต 74 เมกะวัตต์ มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างประมาณ 60% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 และโครงการโรงไฟฟ้า “หยุนหลิน” ในไต้หวัน กำลังผลิต 640 เมกะวัตต์ จนถึงไตรมาสที่ 1/2566 สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้แล้ว จำนวน 16 ต้น กำลังผลิต 128 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นได้เร่งรัดติดตามความก้าวหน้าของโครงการอย่างใกล้ชิด และร่วมปรับแผนการก่อสร้าง เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2567
สำหรับการขยายธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในประเทศ เอ็กโก กรุ๊ป เตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบ FiT 3,600 เมกะวัตต์ ส่วนขยายที่จะเปิดรอบเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ได้ร่วมมือกับพันธมิตรศึกษาและพัฒนาการใช้พลังงานทางเลือก เช่น เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) รวมถึงขยายการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ ผ่านบริษัท “อินโนพาวเวอร์” สำหรับในต่างประเทศ เอ็กโก กรุ๊ป มุ่งต่อยอดและแสวงหาโอกาสลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด
“ด้วยรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคง EGCO ได้ก้าวสู่การดำเนินงานปีที่ 31 อย่างแข็งแกร่งเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจ “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าเพิ่มและดูแลผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน” นายเทพรัตน์ กล่าวสรุป