xs
xsm
sm
md
lg

CK เผยดอกเบี้ยหุ้นกู้ครบ 4 รุ่น ระหว่าง 3.00-4.15% ต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ช.การช่าง กำหนดช่วงดอกเบี้ยหุ้นกู้ 4 รุ่นที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ประกอบด้วย รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.00-3.30]% ต่อปี รุ่นอายุ 5 ปี ดอกเบี้ย [3.20-3.50]% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี ดอกเบี้ย [3.60-3.80]% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี ดอกเบี้ย [4.00-4.15]% คาดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.2566 ผ่าน 2 แบงก์ใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย ระบุหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A- จากทริสเรทติ้ง 

นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ผู้ดำเนินธุรกิจก่อสร้างที่สามารถรับบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนทุกรูปแบบ และมีความสามารถในการพัฒนา ลงทุน และบริหารโครงการสัมปทานระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศและระดับภูมิภาคอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดกำหนดวันเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวจำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.00-3.30]% ต่อปี ขณะที่อีก 3 รุ่น ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ได้แก่ รุ่นอายุ 5 ปี ดอกเบี้ย [3.20-3.50]% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี ดอกเบี้ย [3.60-3.80]% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ [4.00-4.15]% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยบริษัทฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอีกครั้ง

ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร สะท้อนสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่และโครงการที่มีความซับซ้อน และมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงโอกาสในการเติบโตจากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งจะรักษาความสามารถในการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูงในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเอาไว้ได้ต่อไป โดยทริสเรทติ้ง ระบุว่า ในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเซ็นสัญญางานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มูลค่า 9.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้มูลค่างานในมือของบริษัทเกินกว่า 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก มูลค่า 109,216 ล้านบาท ที่คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาได้ปลายปี 2566 ซึ่งจะช่วยให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ จากประมาณการพื้นฐานของทริสเรตติ้ง บริษัทฯ จะสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้ตามที่ทริสประมาณการไว้ ในขณะเดียวกัน ทริสยังคาดว่าบริษัทฯ จะรักษา EBITDA Margin ให้อยู่ในช่วง 11-12% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ให้อยู่ที่ประมาณ 10 เท่าเอาไว้ได้ในระยะยาวอีกด้วย

ปัจจุบัน บมจ.ช.การช่าง ดำเนินธุรกิจการก่อสร้าง ทั้งระบบขนส่งมวลชน ท่าอากาศยาน ถนน ทางด่วน สะพาน พลังงาน ระบบน้ำและท่าเรือ และธุรกิจการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค ด้วยการเป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคด้านต่างๆ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ประกอบธุรกิจก่อสร้างและบริหารทางพิเศษ รวมถึงบริหารจัดการโครงการระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า ในสัดส่วน 33.37% บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ผู้ผลิตจำหน่ายน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำเสีย ในสัดส่วน 19.40% และถือหุ้นในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ผู้ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ในสัดส่วน 30.00% (ข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565)

ด้านสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ช.การช่าง ระบุว่า หุ้นกู้ ช.การช่างจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน เนื่องจากเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะความหลากหลายของอายุหุ้นกู้ที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ลงทุน ภายใต้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงที่จะเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ลงทุน รวมถึงโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ทั้งจากงานก่อสร้างที่มีศักยภาพ และการบริหารโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานระดับภูมิภาค รวมถึงงานในมือ (Backlog) ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและยั่งยืนของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ ช.การช่าง ที่เป็นผู้ลงทุนทั่วไป สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ติดต่อผ่าน 2 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร.1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร.0-2111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา


กำลังโหลดความคิดเห็น