บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง “ธนาคารไทยพาณิชย์” และ “จูเลียสแบร์” (Julius Baer) เดินหน้าสู่คลื่นลูกใหม่ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงปี 2566 ผสานความเชี่ยวชาญของการลงทุนทั้งในประเทศ (Onshore) และต่างประเทศ (Offshore) เข้าไว้ด้วยกันแบบไร้รอยต่อด้วย Open Product Platform มุ่งยกระดับประสบการณ์ของลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่งระดับสูงให้สามารถลงทุนทั่วโลกได้อย่างไร้พรมแดน ตั้งเป้าภายใน 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำ International Private Banking ที่มีความเป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร ให้กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs และ HNWIs) ของเมืองไทย
นายฟิลลิปป์ ริคเคนแบเคอร์ (Philipp Rickenbacher) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป กล่าวว่า จูเลียส แบร์ ในฐานะผู้นําตลาดธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับโซลูชันด้านการวางแผนความมั่งคั่งที่มีความซับซ้อน (Wealth Planning) เนื่องจากหลายครอบครัวหันมาใช้กลยุทธ์ที่มีโครงสร้างอย่างมืออาชีพสำหรับวางแผนอนาคตทางการเงินของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังมีความมุ่งมั่นในการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบด้วยการผสมผสานหลักเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) เข้ากับข้อเสนอด้านการลงทุนส่วนใหญ่ของเรา และด้วยการให้บริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล พร้อมปรับเปลี่ยนให้ก้าวทันต่อความต้องการของลูกค้าตลอดเวลา ทำให้เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถเติบโตแบบมีนัยสำคัญ และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในธุรกิจเวลธ์แมเนจเม้นท์
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ปัจจุบัน SCB WEALTH มีฐานลูกค้าเวลธ์ที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป กว่า 400,000 ราย ซึ่งรวมถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth Individuals) คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% และมีแผนงานขยายฐานลูกค้าเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่ม young affluent ที่มีความสนใจในการวางแผนการลงทุนที่เติบโตต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่หลากหลาย และเป็น open architecture รวมถึงการขยายฐานลูกค้านักลงทุน digital investors ผ่านการพัฒนา wealth platform ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนที่ครบวงจร ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี มีฐานลูกค้า digital investors กว่า 1.3 ล้านราย โดยมีไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง
"เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จะสามารถสร้างการเติบโตและผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้ลูกค้าของเรา และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือที่ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นในศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด และทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถครองอันดับหนึ่งในการเป็นดิจิทัลแบงก์ด้านการบริหารความมั่งคั่งได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมมอบประสบการณ์ให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทางให้ลูกค้า สอดคล้องกับกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch”
น.ส.ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2566 เพื่อเดินหน้าสู่คลื่นลูกใหม่ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ นำเอากลยุทธ์ “The New Wave of Wealth” มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำจุดยืนของการเป็นผู้นำด้านบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งครอบคลุมและครบวงจรที่สุด เพื่อเจาะกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนสำคัญได้แก่
Onshore & Offshore Investment : ลูกค้าไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ สามารถลงทุนทั้งในประเทศ (Onshore) และต่างประเทศ (Offshore) ซึ่งถือเป็น House แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถดูแลและให้บริการแบบครบวงจร
Human Touch : บริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง ด้วยผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ หรือ Relationship Manager (RM) คนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดเมืองไทย เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและแนวคิดของคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะให้บริการได้ทันทีด้วยการให้บริการแบบ Human Touch โดยมีเทคโนโลยีมาสนับสนุน (Human Touch with Digital Support)
Seamless Access : การให้บริการผ่าน Open Product Platform ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และการวางแผนการส่งต่อความมั่งคั่ง (Wealth Planning) รวมทั้งบริการที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Tailored made) และเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง