นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวถึงกรณีของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารที่มีความเป็นไปได้ที่จะส่งงบการเงินล่าช้าและอาจผิดนัดชำระหนี้ว่า กลุ่มเจ้าหนี้ได้มีการหารือกับทาง STARK แล้ว ซึ่งคงต้องรอให้ทาง STARK เป็นผู้ให้ข้อมูล ขณะที่ผลกระทบต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารนั้นยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ธนาคารมองว่ากลุ่มลูกค้ารายใหญ่โดยรวมยังมีความแข็งแกร่งอยู่
**เล็งหารายได้ชดเชยค่าธรรมเนียม**
ส่วนแนวทางการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมของระบบธนาคารพาณิชย์ สมาคมธนาคารไทยได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าว โดยการเก็บค่าธรรมเนียมในการให้บริการในบางธุรกรรมนั้นจะต้องยึดหลักของความสมเหตุสมผล ที่สามารถอธิบายให้ผู้ใช้บริการเข้าใจได้ เช่น การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบริการในรูปแบบพิเศษเพื่อความสะดวกมากขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบลูกค้าโดยรวม เป็นต้น
"เราต้องเข้าใจว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงของรอยต่อของการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด มีทั้งกลุ่มที่สามารถเข้าสู่ดิจิทัล กับอีกกลุ่มที่ยังคงใช้รูปแบบเดิมที่ทำให้ต้นทุนของธนาคารยังสูง เช่น ระบบเอทีเอ็มที่มีต้นทุนทั้งด้านการบริหารจัดการ ระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สูง ซึ่งธนาคารเองทำได้ใน 2 แนวทางคือ หนึ่ง การผลักดันให้ลูกค้าใช้ระบบดิจิทัลให้มากที่สุด สอง การหาพันธมิตรเพื่อมาแชร์ต้นทุน โดยขณะนี้ธนาคารจะมุ่งไปที่ทางแรกก่อน ขณะเดียวกัน มองหารายได้อื่นที่จะเข้ามาทดแทนด้วย เช่น ธุรกิจกลุ่มเวลธ์ หรือแบงก์แอสชัวรันส์ที่มองว่าจะเติบโตดีในปีนี้"