หุ้นไทยปิดตลาด +3.75 จุด นักวิเคราะห์เผย ภาพรวมแรงกดดันคลี่คลายลง ฟื้นตัวตามต่างประเทศ หลังปัญหาภาคธนาคารในสหรัฐสร้างแรงกดดันในระยะสั้น อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Big Cap คาดแนวโน้มวันพรุ่งนี้ยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งสหรัฐ-ยุโรป ประเมินแนวรับที่ 1,540 จุด และแนวต้านที่ 1,560 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 26 เมษายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.75 จุด หรือ +0.24% โดยปิดตลาดที่ 1,543.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,479.54 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีค่อยๆ ปรับฟื้นตัวขึ้น โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้สูงสุดที่ 1,549.81 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,532.08 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 637 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 458 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 691 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +1,411.08 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +131.86 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -1,235.27 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -307.66 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.MGC มูลค่าการซื้อขาย 2,381.67 ล้านบาท ปิดที่ 8.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท
2.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,734.96 ล้านบาท ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,628.64 ล้านบาท ปิดที่ 104.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,483.09 ล้านบาท ปิดที่ 896.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
5.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,256.15 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTAปิดที่ 896.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาทหรือ 0.90%
2.ADVANC ปิดที่ 212.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาทหรือ1.92%
3.SCB ปิดที่ 104.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 1.96%
4.BBL ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ1.29%
5.SCC ปิดที่ 301.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 0.66%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ 3.21%
2.TOP ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 4.08%
3.SCC ปิดที่ 301.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ0.66%
4.TQM ปิดที่ 25.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 3.85%
5.SJWD ปิดที่17.60 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 2.76%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,084.30 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด หรือ 0.27% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 934.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.92 จุด หรือ 0.31% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 510.11 จุด เพิ่มขึ้น 2.62 จุด หรือ 0.52%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมา สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากปัญหาภาคธนาคารในสหรัฐกดดันระยะสั้น โดยตลาดบ้านเราได้แรงซื้อกลุ่ม Big Cap เข้ามาประคองไว้ แต่ยังต้องจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในฝั่งสหรัฐต่อเนื่อง โดย Microsoft (MSFT), Google (GOOGL) งบออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้คาดหวังว่าบริษัทอื่น ๆ จะออกมาดีเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ คาดตลาดแกว่งในกรอบแคบๆ ระหว่างที่นักลงทุนยังรอการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) สหรัฐ และยุโรป รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อีกทั้งรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ด้วย โดยประเมินแนวรับที่ 1,540 จุด และแนวต้านที่ 1,560 จุด