อย่าลงสัตยาบัน NUSA / สุนันท์ ศรีจันทรา

บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA มีธุรกรรมการซื้อขายหุ้นในกลุ่มตัวเองอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กำลังจัดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติการลงสัตยาบันการรับความช่วยเหลือทางการเงินและการซื้อหุ้น บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ทั้งที่บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระไม่เห็นด้วย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกโรงเตือนผู้ถือหุ้น NUSA ให้ศึกษาข้อมูลและไปใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2566

กรณี NUSA ได้ซื้อหุ้นสามัญของ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) จำนวน 90,730,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 453.65 ล้านบาท จากบริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ THANA ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ NUSA

และการรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก THANA จำนวน 600 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.75 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ยืม 6 เดือน และมีหลักประกันเป็นหุ้นของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) จำนวน 2.60 ล้านหุ้น (คิดเป็นมูลค่า 452.32 ล้านบาท)

ธุรกรรมทั้ง 2 รายการเสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 โดย NUSA ไม่ได้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 จึงได้มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น NUSA เพื่อพิจารณาอนุมัติให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการ

ส่วนที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) แสดงความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการให้สัตยาบันในการเข้าทำธุรกรรมการรับความช่วยเหลือทางการเงิน และธุรกรรมการซื้อหุ้น DEMCO กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันในครั้งนี้ เนื่องจากมีความไม่สมเหตุสมผล และไม่เหมาะสมในเรื่องต้นทุนการเข้าทำธุรกรรม ความจำเป็นในการเข้าทำธุรกรรม และเงื่อนไขในการเข้าทำธุรกรรม

และเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.75 ต่อปีเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าต้นทุนทางการเงินที่ NUSA เคยได้รับจากแหล่งเงินทุนอื่น และระยะเวลาการกู้ยืมเงิน 6 เดือนจาก THANA ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อลงทุนในธุรกิจก่อสร้างและติดตั้งงานวิศวกรรม ซึ่งคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่า 6 เดือน

รวมทั้งราคาหุ้น DEMCO ที่เสนอขายมูลค่า 5 บาทต่อหุ้น สูงกว่าช่วงมูลค่ายุติธรรมที่ IFA ประเมินได้ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหุ้นเท่ากับ 2.22-4.39 บาทต่อหุ้น และมูลค่ายุติธรรมกรณีฐานที่ 3.24 บาทต่อหุ้น

สำหรับคณะกรรมการ NUSA ยันยืนกราน ในการซื้อหุ้น DEMCO โอยอ้างผลดีที่จะเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ผลดีจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ เป็นนักลงทุนขาใหญ่ ขายทิ้งทำกำไรในหุ้นหลายตัวมาแล้ว จนราคาหุ้นที่ขายราคาทรุดฮวบ โดยเฉพาะหุ้นบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่ฟื้น

นายประเดช พยายามปั้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH เข้าตลาดหุ้นอยู่หลายปี เพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนเปิดศึกชิงอำนาจบริหารกับกล่มนายณพ ณรงค์เดช จนะชนะเสียงโหวตจากผู้ถือหุ้น เข้าคุมอำนาจ WEH อย่างเบ็ดเสร็จ

WEH เหมือนเครื่องปั๊มธนบัตรให้กลุ่มนายประเดช บริหาร เพราะมีกำไรปีละหลายพันล้านบาท จ่ายปันผลงาม แต่ยังไม่จ่ายเงินปันผลให้กลุ่มนายณพ นับพันล้านบาท แตกต่างจาก NUSA ซึ่งกลุ่มนายประเดช เข้าไปถือหุ้นใหญ่ ซึ่งผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งขึ้นสวนทาง

โดยเฉพาะในช่วงที่กลุ่มนายประเดช เล่นแร่แปรธาตุนำหุ้น NUSA จำนวน 450 ล้านหุ้น คำนวณราคาหุ้นละ 90 สตางค์ แลกหุ้น WEH1 หุ้นจากผู้ถือหุ้น WEH จำนวน 8.04% ซึ่งจะทำให้กลุ่มนายประเดช เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ WEH อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

โดยราคาหุ้น NUSA ถูกลากขึ้นขึ้นทะลุ 1.50 บาท เพื่อล่อใจให้ผู้ถือหุ้น WEH นำหุ้นออกมาแลก

หลังธุรกรรมแลกหุ้นจบสิ้น ราคา NUSA ถูกทิ้งจนรูดลงมา และเคยหลุดต่ำกว่า 90 สตางค์ ซึ่งหากผู้ถือหุ้น WEH ที่แลกหุ้น NUSA ไม่ชิงขาย NUSA ทิ้งออกก่อนมีสิทธที่จะเข้าเนื้อ

กลุ่มนายประเดช มีธุรกรรมชุลมุนอยู่ในกลุ่ม NUSA DEMCO และ WEH โดย WEH ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่สามารถตรวจสอบการบริหารงานภายในได้มากนัก ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นจึงมักมาตกอยู่กับ WEH ที่ได้รับประโยชน์ รวมทั้งการซื้อขายหุ้น DEMCO วงเงิน 453 ล้านบาท ซึ่งแพงยับเมื่อเทียบกับราคายุติธรรม

กลุ่มนายประเดช กำลังเล่นแร่แปรธาตุอะไรหรือไม่ในกลุ่ม NUSA DEMCO และ WEH คนในแวดวงตลาดหุ้นกำลังจับจ้อง และ ก.ล.ต.ออกมาส่งสัญญาณเตือนนักลงทุน

เพราะตั้งแต่นายประเดช เข้ามาสร้างธุรกรรมมากมาย แต่ผลประกอบการ NUSA กลับไม่ดีขึ้น ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 9,609 รายเหมือนไร้ชะตากรรม เช่นเดียวกับ DEMCO ซึ่งกำไรต่อเนื่องหลายปี แต่ปี 2565 เริ่มออกลายขาดทุน 127 ล้านบาท จนน่าเป็นห่วงผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 11,780 รายเหมือนกัน

ก.ล.ต.จับ NUSA ขึ้นจอ ”เรดาร์” ที่ต้องเฝ้าจับตามองแล้ว แต่การปกป้องนักลงทุนโดยการออกคำเตือนคงไม่เพียงพอ

ก.ล.ต.ต้องตรวจสอบธุรกรรมที่โยงใยในกลุ่ม NUSA DEMCO และ WEH เข้มข้น ก่อนเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอยหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK