‘ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น’ เผยสำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 292 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น และ (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง จำนวนไม่เกิน 52 ล้านหุ้น ตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง
น.ส.จิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO กล่าวว่า หลังจาก SINO ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 292 ล้านหุ้น ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 23.08 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ และ (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง จำนวนไม่เกิน 52,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง จากแผนการลงทุนขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศในอาเซียน ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO เผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร (Integrated Logistics Service Provider) จากการให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก รวมถึงการให้บริการให้เช่าคลังสินค้า การให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และการให้บริการสนับสนุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในการให้บริการขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั่วโลก (End-to-End Global Logistics) ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มายาวนานกว่า 25 ปี มุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ปลอดภัย ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ มุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ดีที่สุด และมุ่งสู่เป้าหมายเป็นผู้นำทางด้านการบริการด้านโลจิสติกส์ระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ที่ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างครบวงจร ด้วยการมีเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นตัวแทนของบริษัทฯ ในต่างประเทศมากกว่า 165 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งบริษัทเดินเรือ บริษัทสายการบิน และตัวแทนการจัดการขนส่งในประเทศต่างๆ โดยจากการจัดอันดับของ Datamyne พบว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทางไทย-สหรัฐอเมริกา ที่มีปริมาณขนส่งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และเป็นอันดับ 6 ของโลก สะท้อนความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี
“เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างครบวงจร ด้วยแนวคิด Sync The world เชื่อมโลกการค้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยนำเสนอโซลูชันการให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ด้วยมาตรฐานและคุณภาพการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและตรงต่อเวลา สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายนันท์มนัส กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางทะเล ได้แก่ PPL Network, WCA Inter Global และ X2 Logistics ที่มีสมาชิก 165 ประเทศ และเป็นสมาชิกสมาคมต่างๆ เช่น สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) และสมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย (CTAT) ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าในการรับบริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และนำข้อมูลมาวางแผนบริหารจัดการธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่ดี นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการตลอดห่วงโซ่อุปทานด้านอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เช่น การนำระบบ WMS เพื่อใช้บริหารจัดการคลังสินค้า การพัฒนา ISO Tank ตู้คอนเทนเนอร์บรรจุของเหลว การนำระบบ GPS เพื่อใช้ติดตามตำแหน่งรถในขณะปฏิบัติงาน รวมถึงบันทึกและควบคุมความเร็วในการขับขี่ให้มีความเหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับปี 2562-2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวมทั้งสิ้น 627.98 ล้านบาท 883.57 ล้านบาท 4,683.41 ล้านบาท และ 5,906.53 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 165.62% โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล คิดเป็น 87.55%, 91.47% 97.97% และ 97.50% ขณะที่ส่วนที่เหลือมาจากการบริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศและการให้บริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์