xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ ชี้กรณี STARK เป็นปัญหาเฉพาะราย ยันยังไม่มีการหารือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)กล่าวถึงกรณีลูกค้าธุรกิจรายใหญ่รายหนึ่งที่มีปัญหา (บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK) ซึ่งอาจจะมีปัญหาเรื่องการส่งงบการเงินการล่าช้า และปรับเปลี่ยนทีมผู้บริหารนั้น ธนาคารในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ STARK และลูกค้าของธนาคารมองว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเฉพาะแห่ง เฉพาะบริษัท ไม่ใช่เป็นปัญหาของระบบ โดยเชื่อว่าบริษัทอยู่ระหว่างการหารือแนวทางหรือทางออกกันอยู่ว่าจะปรับแก้ไขอย่างไร และยังไม่ได้มีการหารือกับทางธนาคารแต่อย่างใด

"ธนาคารรอดูทิศทางบริษัทที่กำลังอยู่ระหว่างหาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งเรารอประเมินทิศทางธุรกิจก่อนตัดสินใจ และยังไม่ได้มีการนัดหมายใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม เราได้มีการสำรองเต็มจำนวนแล้ว และ กำไรไตรมาส 1 ลดลง เพราะมีหลายปัจจัย ไม่เฉพาะปัญหาลูกค้ารายหนึ่ง"

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในเอกสารแจ้งงบการเงินไตรมาสแรกประจำปี 2566 ได้ระบุว่า 'ในไตรมาส 1 ปี 2566 ธนาคารพบว่ามีลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งที่คุณภาพหนี้มีสัญญาณความเสื่อมถอย โดยธนาคารได้มีสำรองสำหรับหนี้ส่วนนี้ไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ธนาคารอาจพิจารณาความเหมาะสมในการกันสำรองเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด'

**ธปท.ยันไม่กระทบระบบธนาคารพาณิชย์**
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า กรณีธุรกิจรายใหญ่รายหนึ่งที่มีปัญหาในขณะนี้(บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK) ซึ่งมีแนวโน้มอาจจะมีปัญหาเรื่องการส่งงบการเงินการล่าช้า และปรับเปลี่ยนทีมผู้บริหารนั้น มองว่าไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของระบบแบงก์ เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นของการดำเนินธุรกิจในแง่ของความยั่งยืน ซึ่งธปท. และหน่วยงานกำกับดูแล ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาโดยตลอดอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัทที่เป็นปัญหามีไซด์ไม่ใหญ่และธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้ครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อหนี้ NPL ของระบบแบงก์

ยันเป้าสินเชื่อโต5-7%-เดินหน้ากรีนโลน
นอกจากนี้ นางสาวขัตติยายังกล่าวในงานสัมมนา “EARTH JUMP 2023 : New Frontier of Growth” ที่จัด ธนาคารกสิกรไทยว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน(ESG : Environment, Social,Governance)มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงานภายในของธนาคารเอง และผ่านไปสู่ลูกค้า ทั้งในด้านเงินให้กู้ยืมเพื่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กร และในแง่ของการให้ความรู้ โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อสีเขียว (Green Loan)จำนวน 100,000-200,000 ล้านบาทในปี 2030 จากปีที่ผ่านมามียอดปล่อยกู้ 26,000 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจของธนาคารในปีนี้นั้น ยังคงเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 5-7% โดยจะเน้นเติบโตในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ และรายย่อย ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่ธนาคารต้องการปรับพอร์ตสินเชื่อให้สมดุลมากขึ้นจากปัจจุบันที่พอร์ตสินเขื่อของธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีมากที่สุด

"ในสภาวะที่เป็นอยู่ขณะนี้เอื้อให้เราปรับสมดุลพอร์ตที่อยากให้อยู่ในระดับประมาณ 30%เท่าๆกันทั้งสินเชื่อรายใหญ่ เอสเอ็มอี และรายย่อย ซึ่งน่าจะใช้เวลา ขณะที่สินเชื่อปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะดูแลไม่ให้เกินกว่า 3.25% โดยส่วนหนึ่งก็จะเป็นการขายออกไป โดยไตรมาสแรกขายหนี้เสียออกไป 3.6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มียอด 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายให้กับเอเอ็มซีที่ธนาคารร่วมทุนอยู่คือ JKAMC"

สำหรับความคืบหน้าการหาผู้ร่วมทุนในธุรกิจ บลจ. ของธนาคารนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการคัดเลือก โดยยึดหลักให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า และ ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยยังไม่สามารถระบุระยะเวลาได้

ส่วนรัฐบาลใหม่นั้น นส.ขัตติยา กล่าวว่า โดยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ เพียงแต่อยากให้มีความรวดเร็วในการดำเนินนโยบาย และ การจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนภาคเอกชนก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาภาคเอกชนก็ดำเนินธุรกิจไปแล้ว 70-80%
กำลังโหลดความคิดเห็น