บมจ.เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 28.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนก่อสร้างคลังสินค้า ชำระคืนเงินกู้ยืม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของบริษัทฯ
บมจ.เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท เป็นผู้จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจรครอบคลุมผลิตภัณฑ์อะไหล่มากกว่า 167,000 รายการ ทั้งผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FUSO, FORD, NISSAN และ CHEVROLET นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, EXEDY, DENSO และ TOKICO
โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 ได้แก่ นายสกล ตั้งก่อสกุล ถือจำนวนหุ้น 59,375,000 หุ้น คิดเป็น 32.99% หลังขายหุ้น IPO สัดส่วนถือหุ้นลดลงเป็น 23.75% นายวรพงศ์ ตั้งก่อสกุล ถือหุ้น 48,125,000 หุ้น คิดเป็น 26.74% หลังขายหุ้น IPO ลดลงเหลือ 19.25% นางชฎาทิพย์ อุดมสรยุทธ ถือหุ้น 22,500,000 หุ้น คิดเป็น 12.50% หลังขาย IPO สัดส่วนเหลือ 9.00% นายณัฐพล ตั้งก่อสกุล ถือหุ้น 20,000,000 หุ้น คิดเป็น 11.11% หลังขาย IPO ลดลงเหลือ 8.00% ส่วนนางสมนึก ตั้งก่อสกุล และนายสันติ ตั้งก่อสกุล ถือหุ้นคนละ 15,000,000 หุ้น คิดเป็น 8.33% หลังขาย IPO สัดส่วนลดลงมาที่ 6.00%
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 63-65 มีรายได้จากการขาย จำนวน 1,224.27 ล้านบาท จำนวน 1,256.85 ล้านบาท และจำนวน 1,352.61 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 2.66% ในปี 2564 และเพิ่มขึ้น 7.62% ในปี 2565 ทั้งนี้ รายได้จากการขายบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์เป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 88% ของรายได้จากการขายรวม
ส่วนกำไรสุทธิในปี 63-65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 22.03 ล้านบาท จำนวน 27.32 ล้านบาท และจำนวน 39.91 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.80% 2.17% และ 2.93% ของรายได้ โดยอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯนั้นเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเติบโตของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ทดแทน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าอัตรา 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่น