หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -13.12 จุด นักวิเคราะห์ชี้เกิดแรงขายในหุ้นขนาดกลางและใหญ่เข้ามากดดันดัชนี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินที่มีแรงขายออกมา อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยสนับสนุน แนะจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งต่อไป มองกรอบแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ อาจปรับตัวขึ้นในเชิงเทคนิค หลังปรับตัวลงไปพอสมควร โดยประเมินแนวต้านที่ 1,600 จุด และแนวรับที่ 1,570 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 19 เมษายน 2566 ปรับตัวลดลง -13.12 จุด หรือ -0.82% โดยปิดตลาดที่ 1,580.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,197.94 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากวานนี้ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,595.08 จุดในทางกลับกันที่ลดลงต่ำสุดที่ 1,579.23 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 316 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 406 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,167 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,040.78 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +74.47 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,781.62 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -333.63 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,903.20 ล้านบาท ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,821.30 ล้านบาท ปิดที่ 64.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,971.74 ล้านบาท ปิดที่ 72.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.TISCO มูลค่าการซื้อขาย 1,938.24 ล้านบาท ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 1.75 บาท
5.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,649.23 ล้านบาท ปิดที่ 158.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,134.69 จุด ลดลง -18.37 จุด หรือ -0.85% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 953.80 จุด ลดลง -7.20 จุด หรือ -0.75% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 535.68 จุด ลดลง -8.64 จุด หรือ -1.59%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง โดยยังมีแรงกดดันจากแรงขายหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ออกมากดดัน รวมถึงหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่มีแรงขายออกมาหลังจากที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของ TISCO ออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาด และมองว่าจะไม่มีปัจจัยที่ออกมาเซอร์ไพรส์ในเชิงบวกต่องบฯแบงก์อื่นเช่นกัน
ขณะเดียวกันยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาช่วยผลักดันดัชนี ส่งผลให้เมื่อดัชนีขึ้นไปยืนที่ระดับ 1,600 จุด ก็มีแรงขายทำกำไร อีกทั้งยังไม่เห็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามามาก ซึ่งมองว่าต่างชาติยังคงชะลอการลงทุน เพื่อรอความชัดเจนของการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในครั้งต่อไป ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ มองว่ามีโอกาสลุ้นรีบาวด์ได้ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงพอสมควร ทำให้อาจจะมีการรีบาวด์ทางเทคนิคได้ และยังต้องติดตามการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังทยอยออกมา โดยให้แนวต้าน 1,600 จุด แนวรับ 1,570 จุด