“โฟกัส มีเดีย” เดินหน้ารุกตลาดโฆษณาในลิฟต์ทั้งออฟฟิศ-คอนโดฯ เผยผลงานไตรมาสแรกปีนี้ก้าวกระโดด มั่นใจถึงปลายปีกวาดยอด 250 ล้าน วางเป้าหมายทำกำไรต่อเนื่องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นายเลมอน ลี รองประธานฝ่ายขาย บริษัท โฟกัส มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านสื่อโฆษณาในและนอกลิฟต์ (Lift Advertising / Elevator Media) อาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า ตลาดที่ประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นับจากเดือนกรกฎาคม 2565 ที่มีสื่อโฆษณา 3,000 จอ ถึงปี 2566 ไตรมาสแรก จำนวนสื่อทะลุเกิน 10,000 จอ เป็นผลจากการขยายทีมงานจากแค่ 20 คน เป็นประมาณ100 คนทำให้บุกตลาดได้มากขึ้น
ปี 2565 มียอดขายทั้งปี 20 ล้านบาท ปี 2566 ไตรมาสแรกยอดขายทะลุ 20 ล้านบาทไปแล้ว จึงตั้งเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ 250 ล้านบาท ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำได้เมื่อขยายทีมงานได้เพียงพอ และเชื่อใน Business Model จากประสบการณ์ 20 ปีในจีน
นายเลมอน กล่าวว่า โควิดไม่มีผลต่อตลาดมากนักเพราะ INDOOR MEDIA ไม่เหมือน OUTDOOR MEDIA แม้ช่วงล็อกดาวน์ยังไงก็ต้องใช้ลิฟต์ ความจริงเป็นโอกาสของ INDOOR MEDIA ด้วยซ้ำ มีผลให้ตลาดเติบโตในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม นายเลมอน กล่าวว่าตอนนี้บุคลากรยังไม่พอเพียงสำหรับการเจาะตลาดและการติดตั้งจอในช่วงไตรมาส 2 จึงต้องปรับจังหวะให้เหมาะสม เป้าหมายถึงสิ้นปีคือ 15,000-18,000 จอ โดยจะมุ่งเป้าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ไฮเปอร์มาร์เกตของค่ายต่างๆ ทั่วประเทศ หัวเมืองสำคัญ เช่่่น นจังหวัดชลบุรีที่มีอยู่แล้ว 700 จอ จะขยายตลาดให้ถึง 5,000 จอ ส่วนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังมีโอกาสอีกมากเพราะประเมินว่ามี INDOOR MEDIA ไม่ถึง 50,000 จอ
ทั้งนี้ จอโฆษณาเดิมมีขนาด 21 นิ้ว ตั้งแต่ปี 2565 ได้เปลี่ยนให้เด่นชัดขึ้นเป็นขนาด 25-32 นิ้ว ฉายวิดีโอได้ จอโฆษณานี้มีทั้งในลิฟต์ นอกลิฟต์ และลิฟต์ที่จอดรถ
รองประธานฝ่ายขายโฟกัส มีเดีย ยังอธิบายถึง 4 ปัจจัยของโฆษณาในลิฟต์ ได้แก่ 1.กลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท และเป็นกลุ่มคนทำงานในเมืองที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม คือผู้ใช้ลิฟต์ที่มีโอกาสเห็นจอโฆษณามากที่สุด 2.มีเส้นทางการเดินทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตประจำวันที่ต้องใช้ลิฟต์ในคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน 3.ลิฟต์คือพื้นที่ปิด คนเข้าลิฟต์ไม่รู้จักกัน มีแต่จอโฆษณา ความสนใจอยู่ที่จอเท่ากับถูกบังคับให้ดู 4-8 ครั้งต่อวัน 4.ในพื้นที่ปิด ด้วยความถี่ที่สูงทำให้เกิดประสิทธิภาพต่อการรับรู้ได้เป็นอย่างดี
“ในชีวิตประจำวันแม้สายตาจะถูกดึงดูดจากป้ายโฆษณาและโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่เป็นที่จดจำ ในขณะที่ลิฟต์คือสิ่งที่ต้องเผชิญตั้งแต่เริ่มงานจนเลิกงาน” นายเลมอน กล่าว
ตลาดโฆษณาในไทยมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 100,000 ล้านบาท) แบ่งเป็นสื่อโทรทัศน์ 50% สื่ออินเทอร์เน็ต 20% สิ่งพิมพ์และโรงภาพยนตร์ 10% สื่อ Out of Home (OOH) 10-12% ซึ่งงานของโฟกัส มีเดียอยู่ในกลุ่ม OOH โดยตลาดโฆษณาของไทยวันนี้เหมือนกับตลาดจีนเมื่อ 10-15 ปีก่อน
นายเลมอน กล่าวในตอนท้ายว่า เป้าหมายของบริษัทคือต้องการแชร์ส่วนแบ่งการตลาด 2-3% เมื่อต้นปีซีอีโอของโฟกัส มีเดียจากประเทศจีนมาประชุมกับทีมงานไทย มีการคุยกันถึงการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย นั่นหมายถึงต้องทำกำไรต่อเนื่อง 3 ปี และต้องมียุทธศาสตร์ในระยะยาวซึ่งบริษัทกำลังหาผู้ร่วมงานด้านการเก็บและวิจัยข้อมูลมาช่วยสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อนึ่ง บริษัท โฟกัส มีเดีย(ประเทศไทย) จำกัด อยู่ในเครือของบริษัท โฟกัส มีเดีย ประเทศจีน ซึ่งบริษัทแม่ที่จีนนั้นมีส่วนแบ่งการตลาดในจีนเกินกว่า 1 แสนล้านหยวน (5 แสนล้านบาท) มียอดขาย 16,000 ล้านหยวนต่อปี ปี 2548 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแดคที่สหรัฐอเมริกา ปี 2549 ติดท็อป 100 ของแนสแดค ปี 2558 ถอนจากตลาดแนสแดคไปจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
ปี 2560 โฟกัส มีเดีย เริ่มขยายออกต่างประเทศในแถบเอเชียที่เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และไทย ปี 2564 สาขาเกาหลีใต้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นจุดเปลี่ยนให้บริษัทแม่ที่จีนให้ความสำคัญต่อตลาดต่างประเทศมากขึ้นทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร โดยเฉพาะในสิงคโปร์และไทยที่มีตลาดหลักทรัพย์