บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัว Sideway แนะจับตาเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน พ.ค.นี้ และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เตือนเตรียมแผนรับมือดอกเบี้ยขาขึ้นนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และการรายงานผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบ YoY และ QoQ จึงให้กรอบดัชนี 1,580-1,620 จุด แนะลงทุนในหุ้นที่สมาคม IAA แนะนำ ได้แก่ ADVANC-AOT-BBL-COM7-CPALL
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เตือนว่า นักลงทุนและภาคธุรกิจควรวางแผนรับมือกับผลกระทบของภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นเป็นเวลานานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายรายการออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ เช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. ลดลง 0.5%MoM ต่ำกว่าที่คาดว่าจะลดลง 0.1%MoM ยอดค้าปลีกเดือน มี.ค.ลดลง 1%YoY จากคาดการณ์ว่าจะลดลง 0.4%YoY จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด ดัชนี PPI เดือน มี.ค. -0.5%MoM สวนทางคาดการณ์ +0.1%MoM
ส่วนปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังติดตามการประกาศผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารที่กำลังทยอยประกาศออกมาต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าคาดแนวโน้มผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบ YoY และ QoQ เช่นเดียวกับหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ประกาศผลประกอบการออกมาแล้วดีกว่าคาดการณ์ เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นกลุ่มธนาคารจะประกาศงบการเงินระหว่าง 18-21 เม.ย.นี้ จึงให้กรอบการดเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ระดับ 1,580-1,620 จุด
ขณะที่ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอยู่หลายคู่ ทั้งจีน-ไต้หวัน เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ จีน-สหรัฐฯ ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันระบุว่า การซ้อมรบของจีนบ่อนทำลายเสถียรภาพในไต้หวันและภูมิภาคและเป็นท่าทีที่ไม่มีความรับผิดชอบของจีน ส่วนสหรัฐฯ ส่งเรือรบล่องผ่านช่องแคบไต้หวันหลังจีนเสร็จสิ้นการซ้อมรบ ขณะที่กองทัพเกาหลีใต้ยิงกระสุนเตือนเรือของเกาหลีเหนือที่รุกล้ำน่านน้ำจากการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ การประชุม รมว.ต่างประเทศของกลุ่ม G7 มีประเด็นหัวข้อหลักเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน
อีกทั้งทางกรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ใกล้ชิด โดยคาดการณ์ว่าหลังเทศกาลสงกรานต์จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น และจำนวนอาจมากกว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนมีการทำกิจกรรมร่วมกันช่วงสงกรานต์ และการเดินทางที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ เช่น วันที่ 18-21 เม.ย. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวด 1Q66 สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม วันที่ 28 เม.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย วันที่ 3 พ.ค. กระทรวงพาณิชย์แถลงข่าว "ดัชนีเศรษฐกิจค้า" และเหตุการณ์ก่อนเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. ส่วนปัจจัยต่างประเทศ วันนี้ (18 เม.ย.) จีนรายงาน GDP ไตรมาส 1/2566 สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน มี.ค. วันที่ 19 เม.ย. อียูรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค. สหรัฐฯ รายงานสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 20 เม.ย. สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือน เม.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน มี.ค.จาก Conference Board วันที่ 21 เม.ย. สหรัฐฯ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือน เม.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือน เม.ย.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ทางสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) แนะนำน่าลงทุน ได้แก่ ADVANC, AOT, BBL, COM7 และ CPALL
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมราคาทองคำในสัปดาห์นี้จับตาประกาศตัวเลขดัชนีฝ่ายจัดซื้อทั้งภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ หากอ่อนตัวลงต่อเนื่องจะเป็นแรงหนุนให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ขณะที่ SPDR เริ่มลดความเสี่ยงลง หลังเทขายทองคำ
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำอาจแกว่งตัวในกรอบ 1,975-2,030$/oz โดยยังมีแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาดการณ์ คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้