กลุ่มหุ้น SETHD (SET High Dividend 30) คือ ดัชนีหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูง และมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง ซึ่งยิ่งถ้ามีผลตอบแทนราคาที่สูงด้วยแล้ว จะยิ่งทำกำไรให้กับนักลงทุนเป็น 2 เด้งเลยทีเดียว
1.บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +15.90% (ผลตอบแทน 1 สัปดาห์ - 1 เดือน -3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ +6.60%, +8.65%,+6.60%, +37.80%, +6.60%) ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 56.50 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 58.00/38.00 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.19%, ค่า P/E 17.33 เท่า , Market Cap 77,583.11 ล้านบาท
โบรกคาดกำไรยังเติบโตดีปีนี้และปีหน้าอัตรา +25%/+19% y-o-y มีธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็น key growth driver แม้จะมีเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็ตาม ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 25-30% ในปี23F, รายได้Fee เติบโต 30%, ตั้งสำรอง ECL ประมาณ 1% ของสินเชื่อรวมและ NPL ratio จะขยับขึ้นเป็นไม่เกิน 3.5%
2.บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA ) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +9.31% (ผลตอบแทน1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ +2.76%, +7.21%, +11.50%, +28.16%, +34.34%) ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 4.46 บาท, ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 4.50/2.84 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.75%, ค่า P/E 16.48 เท่า , Market Cap 66,662.88 ล้านบาท
WHA จับมือ โตเกียว ทาเทโมโนะ ลงทุนพัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานระดับท็อปเทียร์ในประเทศไทย ประเดิมโครงการแรกบนถนนสุขุมวิท มูลค่า 1,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเดินหน้าโครงการในย่านศูนย์กลางธุรกิจทั่วกรุงเทพฯ เพิ่มเติมอีกหลายโครงการในอนาคต
3.บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +8.21% (ผลตอบแทน 1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ -0.94%, +0.96%, +4.98%, +14.36%, -5.38%) ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 211.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 225.00/181.50บาท ,อัตราเงิน ปันผลตอบแทน 3.64%, ค่า P/E 24.13 เท่า , Market Cap 627,558.25 ล้านบาท
ADVANC เป็นหุ้น TOP PICK ในกลุ่ม ICT เป็นหุ้นที่ยังมีกำไรแข็งแกร่ง และให้ปันผลในอัตราจูงใจ และการเติบโตของกำไรในปี 2566 จะอยู่ในระดับ ใกล้เคียงกับการเติบโตของตลาด
4.บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +6.96% (ผลตอบแทน 1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ +0.82%, +1.65%, +5.13%, +17.14%, +7.89% ) ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 2.46 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 2.46/2.06 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.69%, ค่าP/E 11.00 เท่า , Market Cap 26,357.38 ล้านบาท
บริษัทฯประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.65 เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 เม.ย.66 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พ.ค.66
5.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี +6.08% (ผลตอบแทน1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน – 1 ปี คือ +1.62%,- 0.63%,+0.96%, +14.18%, +16.30% ) ราคาล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 157.00 บาท, ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 166.50/124.50 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.87%, ค่าP/E 10.23 เท่า , Market Cap 299,688.33 ล้านบาท
หุ้นกลุ่มแบงก์ฟื้นตัวโดดเด่น โดยคาดกำไรสุทธิ 1Q23F ของธนาคารพาณิชย์ รวมอยู่ที่ 5.29 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และ 37% QoQ ฟื้นตัวแข็งแกร่งจากไตรมาสก่อน ได้อานิสงส์จากต้นทุนเครดิตที่ลดลง (-16% QoQ) ในเชิงกลยุทธ์สำหรับไตรมาสนี้ โบรคแนะนำลงทุน หุ้นแบงก์ใหญ่ นำโดย BBL (เป้าพื้นฐาน 173 บาท)
6.บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +5.88% (ผลตอบแทน 1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ -2.70%, +2.27%, +4.05%, +18.42%, +6.51%) ราคาล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 45.00 บาท, ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 46.50/35.75 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.89%, ค่าP/E 9.04 เท่า , Market Cap 51,554.24 ล้านบาท
TCAP ผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2565 อัตราหุ้นละ 3.10 บาท เหลือจ่ายงวดสุดท้ายอีก 1.90 บาทต่อหุ้น เป็นเงินกว่า 1,900 ล้านบาทโดยเงินที่จ่ายปันผลนำมาจากกำไรสะสมที่บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราตามลำดับ
7.บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +4.31% (ผลตอบแทน 1 สัปดาห์ -1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ -1.63%, -1.63%, +5.22%, +28.04%, +11.01%) ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 12.10 บาท, ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 12.80/9.00บาท ,อั ตราเงินปันผลตอบแทน 5.37%, ค่าP/E 6.48 เท่า , Market Cap 38,065.38 ล้านบาท
ผู้บริหารตั้งเป้าปี 2566 มุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ทุกมิติทั้งเปิดโครงการใหม่ มูลค่า 7.7 หมื่นลบ. Presale มูลค่า5.8 หมื่นลบ. ซึ่งทำให้รายได้โต +18%YoY โดยมี Backlog รองรับ 3.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ คาดเห็นกำไรเติบโต QoQ ทุกไตรมาส จากการทยอยโอนโครงการที่เปิดในครึ่งหลังของปี 65
8.บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +3.90% (ผลตอบแทน1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ +3.40%, +6.50%, -0.47%, +23.84%, -4.05% )ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 21.30 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 23.10/16.80 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.76%, ค่า P/E 17.48 เท่า , Market Cap 53,116.83 ล้านบาท
รับอานิสงส์ หลังบอร์ด สปส. อนุมัติขึ้นค่าบริการเหมาจ่ายต่อหัวประกันสังคมเป็น 1,808 บาทต่อคนต่อปี จาก 1,640 บาท เริ่ม 1 พ.ค.นี้ หนุนรายได้เพิ่มปีละประมาณ 168 ล้านบาท ลงกำไรทันที ชูลูกค้าประกันสังคมมากสุดกว่า 1 ล้านราย
9.บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +2.27% (ผลตอบแทน1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ 0.00%,+0.50%,-1.46%,+8.27%,+1.75% )ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 101.50 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 104.00/86.00 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.64%, ค่าP/E 11.25 เท่า , Market Cap 81,265.53 ล้านบาท
TISCO ปัจจัยหนุนสำคัญ คือ NIM เติบโตในระดับสูง และกลุ่มลูกหนี้ยังมีความสามารถชำระหนี้ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่งผลมาถึงการตั้งสำรองของแบงก์ที่คาดว่าจะลดลงในไตรมาส 1/66 เพราะช่วงที่ผ่านมาถือว่าตั้งสำรองฯสูงมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่า จะเห็นกำไรเติบโตทั้ง ทั้ง YoY และ QoQ
10.บมจ.โอสถสภา (OSP) ผลตอบแทนราคา ตั้งแต่ต้นปี +1.77% (ผลตอบแทน 1 สัปดาห์ - 1 เดือน - 3 เดือน - 6 เดือน - 1 ปี คือ -6.50%, -11.54%, -2.54%, +11.65%,-16.67%) ราคา ล่าสุด ณ 12 เม.ย. 66 อยู่ที่ 28.75 บาท, ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 35.50/24.80บาท , อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.13%, ค่าP/E 44.66 เท่า , Market Cap 86,357.81 ล้านบาท
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตเกิน 10% และตั้งเป้ากำไรที่ 3 พันล้านบาท เติบโตเกิน 50% จากปีก่อน โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทยเพิ่มจากสิ้นปีก่อนราว 2% และรายได้เครื่องดื่มฯในต่างประเทศโตเกิน 10%
อย่างไรก็ตาม (12เม.ย.66) กลุ่มหุ้น SETHD มี30หลักทรัพย์ มีเพียงแค่ 12 หลักทรัพย์ ที่มีอัตราผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีที่เป็นบวกนอกนั้นอีก18หลักทรัพย์ยังติดลบอยู่ในขณะนี้