ในวันที่ 13 เมษายน ช่วงเวลา 05:26 น. Shanghai (Shapella) Upgrade ของ Ethereum ที่เปิดให้ Validator Node สามารถถอน ETH ออกมาได้นั้นประสบความเสร็จในการอัปเกรดอย่างราบรื่น แม้ว่าการอัปเกรดนี้จะเปิดทางให้ ETH จำนวนมากกว่า 18 ล้านเหรียญที่ถูกลอคไว้นานมากกว่า 2 ปีถอนออกได้จนอาจทำให้นักลงทุนหลายคนมีความ Panic ว่าราคา ETH อาจจะเจอแรงเทขายอย่างหนักก็เป็นได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากผ่านการอัปเกรดมากว่า 2 วัน มี ETH ถอนออกเพียง 285,720 ETH โดยที่ “98.33% นั้น ถอน Staking Reward จากการเป็น Validator Node (Partial Wihtdrawal)” มีเพียง 1.67% เท่านั้นที่ถอนจากการเป็น Validator Node (Full Withdrawal) ซึ่งระบบของ ETH รองรับการถอนได้ 115,200 Node หรือสูงสุดที่ 289,152 ETH ต่อวัน และจากการดูข้อมูลบน Ethereum Blockchain ก็ไม่ได้มีแรงเทขายก้อนใหญ่อย่างที่หลายคนกลัว
การที่มีแรงถอนน้อยกว่าที่หลายคนคาดการณ์ และ ETH ที่เป็น Staking Reward นั้นถูกดึงกลับไปสร้าง Validator Node ใหม่อีกรอบแสดงถึงความ “เชื่อมั่นใน Ethereum” อย่างชัดเจน ประกอบกับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทำให้นักลงทุนคลายกังวล จึงเกิดแรงซื้อ Ethereum ที่ Laggard Bitcoin มาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน
โดย ETH ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น +12% หลังจากการอัปเกรด ทะลุแนวต้าน $2,000 ไปที่ $2,120 ในขณะที่เขียน และมีเป้าถัดไปอยู่ที่ $2,500 และ $3,000 ตามลำดับ ในขณะที่ BTC ขึ้นเพียง 4.14% ไปที่ $31,000 เท่านั้นในช่วงเวลาเดียวกัน
นอกจาก ETH ที่ได้รับอานิสงส์จากการอัปเกรดครั้งนี้แล้วกลุ่ม Liquid Staking Derivative (LSD) ที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้การเป็น Validator Node เช่น LDO, RPL และ FXS และกลุ่ม Ethereum Layer 2 เช่น ARB และ OP ที่จะเกี่ยวข้องกับอัปเกรด EIP-4844: Proto-Danksharding ครั้งถัดไปของ Ethereum ที่ปรับปรุงให้ค่าธรรมเนียมในการใช้งานถูกลง 10-100 เท่าจากเดิม ต่างก็ราคาขึ้นหลัง Shanghai Upgrade เช่นกัน
อย่างไรก็ดีหลังจากอัปเกรดกลุ่ม LSD อย่าง LDO ขึ้น 17.4% ไปที่ $2.61, RPL ขึ้น 31.36% ไปที่ $55 และ FXS ขึ้น 13.8% ไปที่ $9.7 ในขณะที่กลุ่ม Ethereum Layer 2 อย่าง ARB ขึ้น 35.16% ไปที่ $1.59 และ OP ขึ้น 17.37% ไปที่ $2.65
ทั้งนี้การที่ Ethereum ประสบความสำเร็จในการอัปเกรดและเริ่มพัฒนาระบบต่อไป ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในตอนนี้ยังมีความน่ากังวลอยู่มาก การลงทุนในช่วงนี้จึงต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ สิ่งที่อยากให้จับตามองต่อไปตลอดทั้งเดือนเมษายนนี้ คือ ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก, ยอดขายบ้านใหม่ และ ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล ปิดท้ายที่การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในวันที่ 4 พฤษภาคม
