ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) ในปัจจุบัน (เดือน มี.ค.66) และ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงที่ 35.8 และ 37.6 จาก 36.6 และ 38.6 ในเดือน ก.พ.66 โดยเฉพาะด้านภาระในการชำระหนี้ของครัวเรือนในเดือนนี้ลดลง (กังวลเพิ่มขึ้น) อย่างมีนัยสำคัญที่ 42.3 จาก 46.8 ในเดือน ก.พ.66 ทั้งนี้ ได้เริ่มเห็นความกังวลของครัวเรือนที่มีต่อประเด็นดังกล่าวตั้งแต่ในเดือน ม.ค.66 ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตั้งแต่เดือน ส.ค.65 โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่ที่ 1.75% ต่อปี และพบว่าในเดือน ธ.ค.66 เริ่มมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มลูกค้ารายย่อย (MRR) โดยขณะนี้มีการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวแล้วทั้งสิ้นประมาณ 0.90% ซึ่งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ครัวเรือนมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะกดดันการบริโภคของครัวเรือนในอนาคต
นอกจากนี้ ในระยะข้างหน้ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ออีก 1 ครั้ง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะอยู่ที่ 2.00% ต่อปี ณ สิ้นปี 2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวดีต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย อัตราเงินเฟ้อที่แม้ปรับลดลงเร็ว (เดือน มี.ค.66 อยู่ที่ 2.83%YoY) แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่อาจกลับมาผันผวนได้ และความเป็นไปได้ที่เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อ ดังนั้น จากทิศทางดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในขาขึ้น คาดว่าจะยังคงกดดันดัชนี KR-ECI รวมถึงการบริโภคของครัวเรือนในระยะข้างหน้าท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้ที่สูงขึ้น โดยแม้ว่าการชะลอลงของเงินเฟ้อและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งได้สนับสนุนมุมมองที่ดีในด้านราคาสินค้า รายได้และการจ้างงานในระยะข้างหน้า แต่ไม่เพียงพอให้ครัวเรือนลดความกังวลเกี่ยวกับภาระการครองชีพได้
พร้อมกันนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สอบถามครัวเรือนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคาดการณ์การจับจ่ายใช้สอยในเดือน เม.ย.66 ซึ่งมีช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของครัวเรือนว่าจะมีความแตกต่างจากเดือนก่อนหน้าหรือไม่ พบว่าครัวเรือนส่วนมาก (56%) คาดว่าจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้สังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อน ขณะที่ครัวเรือนอีกจำนวนหนึ่ง (44%) คาดว่าจะไม่เพิ่มการใช้จ่ายจากเดือนก่อนหน้า โดยในจำนวนนี้ 33% ยังมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูง เช่น ค่าไฟ ขณะที่ครัวเรือนมีสาเหตุอื่นๆ ที่ส่งผลให้ไม่เพิ่มการใช้จ่ายในเดือนนี้ เช่น ต้องการเก็บออมเงินในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน มีความกังวลว่าราคาสินค้า/บริการในช่วงเทศกาลจะปรับขึ้น เป็นต้น
ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า ดัชนี KR-ECI ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างเปราะบาง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่หลากหลาย โดยการปรับลดของดัชนีในเดือนนี้สะท้อนว่าทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลต่อมุมมองที่กังวลเกี่ยวกับภาระการครองชีพของครัวเรือนที่มากขึ้น อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะอานิสงส์จากจีนที่คาดว่าจะมีมากขึ้นหลังมีการยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดเมื่อช่วงต้นปีที่คาดว่าจะสามารถสร้างมุมมองที่ดีเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงานของครัวเรือนได้