"GCAP” เผยความคืบหน้าแผนรุกธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจรหลังเพิ่มทุนสำเร็จ เตรียมผนึก AO FUND จัดตั้ง บล.-บลจ. คาดเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบกลางปีหน้า ตอกย้ำกลยุทธ์การสร้างรายได้จากธุรกิจ Non-Lending Business ให้ GCAP เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยว่า จากมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน (PP) ให้ AO FUND เพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจร โดยการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แบบ ก. ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจด้านการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน การจัดการกองทุนรวม การจัดการกองทุนส่วนบุคคล กิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ การจัดการเงินร่วมลงทุน และการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แบบ ค. ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจด้านการจัดการกองทุนรวม การจัดการกองทุนส่วนบุคคล การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน การค้าหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน และการจัดการเงินร่วมลงทุนนั้น
ภายหลังการออกหุ้นเพิ่มทุน PP ในครั้งนี้ จะทำให้ AO FUND ถือหุ้น GCAP ในสัดส่วน 19.56% นายศาวิณ เลาเศรษฐกุล ถือหุ้น GCAP ในสัดส่วน 0.95% และ Mr.Fong Pin Jan ถือหุ้น GCAP ในสัดส่วน 0.95% โดยเงินทุนที่ได้รับจากการเพิ่มทุน PP ดังกล่าว บริษัทฯ จะนำมาจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท เพื่อดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โดย GCAP จะถือหุ้นของบริษัทย่อยในสัดส่วน 100%
“การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์สร้างรายได้จากธุรกิจ Non-Lending Business ของบริษัทฯ โดยคณะกรรมการและผู้บริหารของ GCAP มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างยาวนานในการบริหารธุรกิจหลักทรัพย์ เช่น บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ จี เอฟ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ซี จี เอ็น จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ออมสิน จำกัด เมื่อได้ผนึกกำลังร่วมกับ AO FUND ซึ่งมีฐานลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุน จะทำให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จและสร้างฐานรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องได้ในอนาคต เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น” นายอนุวัตร กล่าว
Mr.Tan Choon Wee ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้มีอำนาจ AO FUND กล่าวว่า การร่วมลงทุนกับ GCAP ในครั้งนี้จะเป็นการร่วมลงทุนในระยะยาว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิถุนายน 2566 ก่อนเดินหน้ายื่นเรื่องขอใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (ใบอนุญาตแบบ ก. และแบบ ค.) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในกลางปี 2567
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ บล. และ บลจ. ที่จัดตั้งขึ้นจะเป็นการรุกธุรกิจหลักทรัพย์ทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี GCAP เป็นฐาน โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ตั้งขึ้นจะมุ่งเน้นกลยุทธ์การนำบริษัทที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และการทำ Proprietary Trading ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จะเน้นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน โดยให้เงินทุนสนับสนุนแก่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงการลงทุนในตราสารหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกและจำหน่ายโดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
"เราดำเนินธุรกิจกองทุนเปิด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เป็นกองทุนที่สนับสนุนด้านเงินทุนแก่บริษัทมหาชนขนาดกลางและเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ฮ่องกง และออสเตรเลีย ซึ่งเรามองว่าเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ เช่นเดียวกับตลาดทุนไทยมีความแข็งแกร่งและมีสภาพคล่องที่ดี ขณะที่ GCAP มีวิสัยทัศน์ที่เข้ากันได้ เราจึงเลือกประเทศไทยเป็นฐานในการขยายไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยในขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายมาร์เกตแชร์ แต่ในเบื้องต้นตั้งเป้าผลตอบแทนในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์ที่ 10-20% และธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมที่ 25-40%" Mr.Tan Choon Wee กล่าว