JPMorgan Chase ทุ่มเงิน 1.3 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 44 ล้านบาทใน "สินแร่นิกเกิล" ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์แร่มีค่า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดยคิดว่าหินดังกล่าวนั้นคือ นิกเกิล นำเข้าเก็บไว้ในโกดัง ต่อมามีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญเผยความจริงไม่ใช่สินแร่มีค่า เป็นเพียงหินธรรมดา
ตามรายงานของ wall street journal (WSJ) ระบุความโป๊ะแตกของ JPMorgan Chase ที่เก็บถุงหินไว้ในโกดังโดยคิดว่าเป็นนิกเกิล โดย London Metal Exchange เปิดเผยการตรวจสอบที่สร้างความประหลาดใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วภายในคลังสินค้าในเมืองท่า Rotterdam ของเนเธอร์แลนด์ โดยทางเจ้าหน้าที่ของคลังสินค้า ชั่งน้ำหนักถุงที่คิดว่าบรรจุนิกเกิลปริมาณ 54 เมตริกตัน แต่หลังจากตรวจสอบแล้วกลับพบว่าไม่ใช่ นิกเกิล แต่เป็นเพียงหินธรรมดาที่บรรจุอยู่เต็มถุง
ขณะที่บลูมเบิร์กรายงาน รายงานอ้างถึงฝ่ายตรวจสอบสินค้าคงคลังโดยให้ความเห็นว่าหากพวกเขามีการถือครองนิกเกิลมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ ณ ราคาปัจจุบัน ซึ่งคิดเป็น 0.14% ของสินค้าคงคลังนิกเกิล แม้ว่าจะมีผลกระทบเล็กน้อยต่อตลาดโลหะ แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยของสัญญาของ LME เป็นปัญหา “ในอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาว สัญญาของ LME ถูกมองว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน” บลูมเบิร์กกล่าว
ขณะที่ตามรายงานของ The Wall Street Journal LME ประกาศถึงการตรวจสอบดังกล่าวครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เปิดเผยเจ้าของกระเป๋าเจ้าของสินทรัพย์สินแร่หรือโกดังที่พวกเขาถูกเก็บไว้ อย่างไรก็ตาม คนที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้กล่าวว่าโกดังแห่งนี้เป็นเจ้าของและดำเนินการโดย Access World ตามที่ระบุไว้ในรายงานของวารสาร
ด้านโฆษกของบริษัทโลจิสติกส์บอกกับ businessinsider ว่า "Access World ยืนยันว่าขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบถุงก้อนหินที่กล่าวอ้างว่าคือแร่นิเกิลนั้น มีการรับประกันในทุกสถานที่ และจะว่าจ้างผู้สำรวจภายนอกเพื่อช่วยเหลือ ในระหว่างนี้จากการตรวจสอบสต็อคภายใน ข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าปัญหาพื้นฐาน ซึ่งนำไปสู่การระงับใบสำคัญแสดงสิทธิ 9 รายการที่อ้างถึงในประกาศ LME 23/044 เป็นกรณีแยกและเฉพาะสำหรับคลังสินค้าแห่งหนึ่งในรอตเตอร์ดัม"
อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่า Access World อาจต้องแบกรับภาระทางการเงินสำหรับปัญหาการปลอมปนของหินในสินแร่มากกว่า JPMorgan Chase เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบของบริษัทในการปกป้องชื่อเสียงของผุ้ปแระกอบการธุรกิจโลหะในโรงงานของบริษัท
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน JPMorgan Chase ซื้อกระเป๋าการถือครองสินแร่โลหะขนาดใหญ่หลายรายการ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆที่มีความหลากหลาย
ขณะที่มุมมองนักลงทุนต่างตั้งข้อสังเกตุถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบของการฟอกเงินหรือไม่ หรือเป็นการทุจริตภายในของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อกรณีที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ซึ่งความจริงมาปรากฏขึ้นภายหลังเมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทาง JPMorgan Chase และ LME ยังคงนิ่งเฉย และไม่แสดงความคิดเห็นใดๆต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
