หุ้นเก็งกำไรตัวเล็กๆ รอบนี้ตายกันเกลื่อน ราคาทรุดหนักอย่างน่ากลัว ทำให้นักลงทุนรายย่อยตายเป็นเบือ รวมทั้งหุ้นบริษัท เอ๊กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG
XPG เปลี่ยนชื่อมาจากบริษัท ซีมิโก้ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ ZMICO หลังจากกลุ่มนายระเฑียร ศรีมงคล เข้าซื้อหุ้นจากนายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ จำนวน 100 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564
โครงสร้างผู้บริหาร โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ และโครงสร้างธุรกิจมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ โดย XPG ประกาศตัวจะเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
ราคาหุ้น XPG พุ่งทะยานอย่างร้อนแรงหลังจากนายระเฑียร เข้ากุมบังเหียนบริษัท จากที่เคยย่ำอยู่แถว 1 บาท ทะยานขึ้นสูงกว่า 10 บาท เพราะนักลงทุนเชื่อว่า XPG จะมีอนาคตที่สดใส เพราะนายระเฑียร มีผลงาน สร้างบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC จนรุ่งโรจน์มาแล้ว
หลังจากราคาหุ้น XPG พุ่งทะยานอย่างร้อนแรง และแม้ตลาดหลักทรัพย์จะประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่อาจดับร้อนหุ้นของนายระเฑียร ได้ บริษัทจึงประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 50 สตางค์
และออกหุ้นใหม่เสนอขายบุคคลในวงจำกัด 3 ราย จำนวน 1,035.33 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท โดยจัดสรรให้บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 403.37 ล้านหุ้น
จัดสรรให้บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 268.91 ล้านหุ้น และจัดสรรให้นายมงคล ประกิจชัยวัฒนา นักลงทุนรายใหญ่ที่ร่ำรวยหลายหมื่นล้านบาท จากหุ้น KTC จำนวน 363.04 ล้านหุ้น
XPG ระดมเงินจากการขายให้บุคคลในวงจำกัด 3 รายได้ประมาณ 4,244.88 ล้านบาท
แต่เงินเพิ่มทุนจากการขายผู้ถือหุ้นเดิมและขายนักลงทุนวงจำกัด 3 ราย ไม่ได้ก่อดอกออกผล เพราะผลประกอบการบริษัทไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวัง ขณะที่ราคาหุ้น เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดถึง 5 บาท ภายหลังการเพิ่มทุนนำหุ้นใหม่เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม
ปี 2562 XPG มีกำไรสุทธิ 81.33 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุน 16.62 ล้านบาท ปี 2564 กำไรสุทธิ 88.12 ล้านบาท แต่ปี 2565 ขาดทุน 171.12 ล้านบาท
และแม้จะมีทุนจดทะเบียนเฉียด 1 หมื่นล้านบาท แต่รายได้ XPG แต่ละปีอยู่ในระดับ 100 ล้านบาทเท่านั้น โดยเกือบ 2 ปีแล้วที่นายระเฑียร เข้าไปบริหารบริษัทฯ แต่ผลงานยังไม่ปรากฏชัดเจน ความสามารถที่แสดงเป็นที่ประจักษ์ใน KTC แต่สำหรับ XPG ยังไม่ได้แสดงฝีไม้ลายมือ จนราคาหุ้นปักหัวลง
จากราคาสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 5 บาท หลังจากนั้นราคาปักหัวลงมาม้วนเดียว และล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ราคาลงมาที่ 96 สตางค์
นักลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่ติดดอย XPG กันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น SIRI บริษัท วิริยะประกันภัย นักลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดในตลาดหุ้นอย่าง นายมงคล และนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ที่ทยอยเข้ามาซื้อหุ้น XPG จนถือหุ้นในสัดส่วน 3.44% ของทุนจดทะเบียน
ส่วนนักลงทุนรายย่อย จำนวน 31,142 ชีวิต ก็ “ติดกับ” XPG ด้วย โดยส่วนใหญ่เข้ามาเก็งกำไรในช่วงที่นายระเฑียร เข้ามาซื้อหุ้นต่อจากนายสุเทพ และซื้อหุ้นในราคาสูงทั้งสิ้น
วิกฤตตาดหุ้นรอบนี้ หุ้นเก็งกำไรตัวเล็ก ทรุดลงกันกระจุยกระจาย แต่ XPG เป็นหุ้นตัวเล็กที่ทรุดหนักอยู่ในอันดับต้นๆ
ผู้ถือหุ้นรายย่อยๆ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ๆ ร้องกันระงมกับการปักหัวลงหลุมของ XPG