xs
xsm
sm
md
lg

คลังเผยการยืนยันตัวตนและการอุทธรณ์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐมีทั้งสิ้น 8.95 ล้านราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การดำเนินการของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการยืนยันตนและการอุทธรณ์ของผู้ลงทะเบียน ภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ผ่านเกณฑ์) ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ณ วันที่ 15 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 8,948,121 ราย สำหรับจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์) ณ วันที่ 15 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. จำนวนทั้งสิ้น 1,014,730 ราย โดยสามารถขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น.ของทุกวัน หรือขออุทธรณ์ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน


โฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ตั้งแต่กระทรวงการคลังได้ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติฯ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นมา พบว่า มีประเด็นปัญหาจากการที่ผู้ผ่านเกณฑ์เดินทางไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทยฯ และ ธ.ก.ส. พร้อมกันจำนวนมากทำให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการยืนยันตัวตน ซึ่งกระทรวงการคลังได้รับทราบประเด็นปัญหาดังกล่าว และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้ธนาคารทั้ง 3 แห่งดังกล่าวข้างต้น เปิดให้ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถยืนยันตัวตนได้ทุกวัน รวมวันเสาร์ -อาทิตย์ โดยสาขาทั่วไปตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และสาขาในห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น. ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 11-31 มีนาคม 2566 เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการยืนยันตัวตน นอกจากนี้ สำหรับประเด็นปัญหาที่ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยังไม่มีบัญชีธนาคารจะต้องเปิดบัญชีธนาคารและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน กระทวงการคลังได้ประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ทั้ง 14 แห่ง รวมทั้งธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ให้ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถเปิด “บัญชีพื้นฐาน” ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่ไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชี โดยประเภทบัญชีดังกล่าวเป็นการให้บริการเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ต้องการเปิดบัญชีเพื่อรับสิทธิสวัสดิการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ


สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์ที่เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางได้ รวมทั้งบุคคลล้มละลายที่ยังไม่สามารถเปิดบัญชี และ/หรือไม่สามารถผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนได้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือแนวทางกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะประกาศให้ประชาชนทราบแนวทางในการดำเนินการโดยเร็วต่อไป

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทะเบียนที่ต้องการตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติและขออุทธรณ์ (หากตรวจสอบพบว่าไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศเปิดให้บริการแก่ผู้ลงทะเบียนที่ต้องการตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น. ด้วยโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 11-26 มีนาคม 2566 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดความแออัดของประชาชนในการเดินทางไปอุทธรณ์ในวันทำการปกติ โดยหากผู้ลงทะเบียนตรวจสอบพบว่าไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ สามารถดำเนินการอุทธรณ์ได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดในวันเสาร์-อาทิตย์ได้ด้วย และสามารถเดินทางไปขอตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องได้โดยเร็วต่อไป

สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร.09-4858-9794 (เวลาทำการ 08.30-16.30 น.)
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร.0-2-273-9020 ต่อ 3502, 3503, 3506, 3536, 3542, 3518 หรือ
โทร.08-5842-7102, 08-5842-7103, 08-5842-7104, 08-5842-7105, 08-5842-7106, 08-5842-7107, 08-5842-7109 (เวลาทำการ 08.30-16.30 น.)
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร.0-2109-2345 (เวลาทำการ 08.30-17.30 น.)


กำลังโหลดความคิดเห็น