นายทิวา ศิวะภิญโญยศ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.พีเออี เทคนิคอล เซอร์วิส (PTECH) กล่าวว่า แผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขณะนี้บริษัทฯ ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเดินหน้าแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมความพร้อมด้านการตรวจสอบรายละเอียดทางบัญชี และโครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งหมด รวมทั้งหารือกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเตรียมเอกสารยื่นแบบคำขอเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ในขั้นตอนต่อไป
PTECH ประกอบธุรกิจประเภทกิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ โดยให้บริการด้านกิจกรรมงานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้อง หรืองานระบบเอกซเรย์ (ตรวจสอบ) โครงสร้าง
"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอนาคตให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทฯ จะใช้เป็นเงินทุนในการขยายกิจการ ด้วยการลงทุนในเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในงานตรวจสอบด้านวิศวกรรม ซึ่งหากมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ดีจำนวนมาก และขนาดใหญ่ขึ้นจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้ารับงานของบริษัทฯ ได้ในอนาคต รวมถึงจะเป็นการส่งผลบวกสู่ความน่าเชื่อถือให้ผู้ว่าจ้าง คู่ค้า และพันธมิตรอื่นๆ อีกด้วย"
นายทิวา เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญาจ้างเหมาทดสอบและตรวจสอบถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ณ โรงซ่อมบำรุงถังก๊าซหุงต้มภาคกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโรงซ่อมบำรุงถังก๊าซหุงต้มภาคใต้ จังหวัดสงขลา กับ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) คิดเป็นมูลค่างานกว่า 20 ล้านบาท
บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอผลประมูลงานเอกซเรย์ถังก๊าซหุงต้ม ปตท. จาก OR ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มเติม โดยมีมูลค่างานรวมกว่า 30 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมต่อยอดธุรกิจหลักไปสู่งานกลุ่มซ่อมบำรุงในอนาคต โดยล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานซ่อมบำรุงในกลุ่มบริษัทปิโตรเลียมอื่นๆ มูลค่างานประมาณ 96 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปดีลได้ภายในไตรมาส 2/66 รวมถึงงานของภาคเอกชนในโปรเจกต์อื่นๆ ทั้งนี้ หากดีลงานโปรเจกต์ใหม่แล้วเสร็จ จะส่งผลให้ในปีนี้บริษัทจะมี Backlog สูงกว่า 300 ล้านบาทอย่างแน่นอน
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมด้านงานวิศวกรรมในปัจจุบันมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าหลังจากนี้ภาพรวมของอุตสาหกรรมดังกล่าวจะสามารถขยายตัวได้ในระดับที่สูงกกว่า 20% ต่อปี (เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19) ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมกลับสู่ภาวะปกติ 100% แล้ว โดยจะเห็นได้จากเริ่มมีการทยอยจัดจ้างงานรับเหมาและตรวจสอบระบบต่างๆ รวมถึงโครงการบิ๊กโปรเจกต์ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ดังนั้น จากปัจจัยในเชิงบวกดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตในปี 66 เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากการเข้าประมูลงานใหม่ๆ ขณะเดียวกัน จะต่อยอดธุรกิจไปในส่วนที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจใหม่