จากลูกจ้างโรงพิมพ์สู่ “ผู้ให้คำปรึกษา รับออกแบบและผลิตกล่องกระดาษครบวงจร” การันตีคุณภาพด้วยรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและธนาคารไทยพาณิชย์ รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น PM Award ประเภทการบริหารจัดการดีเด่น จากกระทรวงอุตสาหกรรม และรางวัล TMA SME Excellence Award 2022 ระดับ Gold Award ประเภทธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต จากสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
บริษัท เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ จำกัด บริษัทที่เริ่มจากการเป็นลูกจ้างโรงพิมพ์ที่มีความฝันอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจและประสบผลเมื่อปี 2535 ด้วยการเริ่มด้วยการผลิตกล่องกระดาษเฟอร์นิเจอร์และผู้ส่งออกผลไม้ ซึ่ง ทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง "อัญญรัตน์ จริยาสมานฉันท์" หรือ ติ๊ก ซึ่งเธอตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัวหลังจากเรียนจบ
“อัญญรัตน์ ” เล่าว่าแรกเริ่มนั้น เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ ประสบวิกฤตเพราะรับผลจากพิษเศรษฐกิจทำให้ต้องหาโอกาสเพื่อความอยู่รอด
การมองผู้ประกอบการที่อยู่ระแวกใกล้เคียง ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์น่าจะมีความต้องการกล่องกระดาษขนาดใหญ่เพื่อบรรจุสินค้าให้ถึงลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะเดียวกันเครื่องจักรที่บริษัทมีอยู่นั้นเหมาะที่จะผลิตกล่องขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นการผลิตกล่องกระดาษเพื่อรองรับผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์จึงตรงตามแผนและด้วยความวิริยะอุตสาหะ รวมถึงการนำเสนอผลงานที่แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น ส่งผลให้เป็นที่สนใจของลูกค้ากระทั่งประสบผลสำเร็จได้ไม่ยากนัก
ทว่า เมื่อเกิดวิกฤตหนักจากพิษของต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 รายได้จากธุรกิจเดียว มิอาจนำพาบริษัทรอดพ้น เนื่องจากผู้ประกอบการต่างรับผลกระทบเป็นวงกว้างไปตามกัน ที่สำคัญลูกค้าย้ายฐานไปยังประเทศเพื่อนบ้านทำให้รายได้ลดลง ที่สุดทำให้เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษต้องปรับแผนใหม่ด้วยมองหาลูกค้ากลุ่มอื่นบ้างเพื่อกระจายความเสี่ยงของการพึ่งพารายได้เพียงทางเดียว
และผู้ประกอบการส่งออกผลไม้คือลูกค้าอีกกลุ่มที่ต้องเข้าหาเพราะการขนส่งผลไม้ย่อมต้องการบริการที่รวดเร็ว กล่องแข็งแรงและคงสภาพที่ดี โดยเฉพาะฤดูกาลที่ทุเรียนออกผลความต้องการกล่องบรรจุภัณฑ์จึงสูงมาก แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่ามีข้อจำกัดอยู่มาก นั่นหมายถึงรายได้ที่จะมีเข้ามาไม่ต่อเนื่อง
“การโฟกัสไปที่ความหลากหลายของลูกค้าจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้เกิดความมั่นคงของรายได้ เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อรองรับกับลูกค้าที่มีความต้องการกล่องกระดาษที่มีการใช้งานแตกต่างกัน” “อัญญรัตน์ ”กล่าว
ดังนั้น โจทย์ใหม่คือการปรับกระบวนการผลิตด้วยการเปลี่ยนเครื่องจักรในการผลิตเพื่อให้หลากหลาย สามารถรองรับกับจำนวนการผลิตที่น้อยแต่มีความถี่มากขึ้น และรองรับความต้องการลูกค้าทั่วถึงมากขึ้นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขณะเดียวกันก็ต้องปรับระบบการทำงานให้เข้ากับยุคสมัย ด้วยการทำงานแบบดั้งเดิมคือเดิมใช้ระบบ Manual ก็ต้องนำ IT เข้ามาบริหารจัดการ เพื่อทุ่นแรงและลดการใช้กำลังคน นั่นจึงเสมือนจุดแข็งที่ส่งผลให้ “เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ” ฟื้นตัวขึ้นมาได้ตามลำดับ
“เราเชื่อว่าลูกค้าย่อมต้องการของดี ถ้าเราผลิตกล่องกระดาษที่ดีมีมาตรฐาน จะทำให้ลูกค้าเชื่อถือและยอมรับกับงานที่เราทำให้ ซึ่งหลังจากเพิ่มความหลากหลายของรูปแบบของกล่อง ทำให้เรามีลูกค้าเข้ามาหามากมายตามลำดับ ”เธอกล่าว
โดย เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ มุ่งพัฒนาจากกล่องกระดาษหรือบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกมาสู่การทำบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษ Offset ถือเป็นการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายตรงเป้าหมายและเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่มมากขึ้น อีกทั้งมีมาร์จิ้นสูงขึ้นด้วย เพราะกล่องกระดาษหรือบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกมีมาร์จิ้น 10-15 % ขณะที่บรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษ Offset มีมาร์จิ้นถึง 30% นั่นจึงส่งผลต่อรายได้และกำไรเข้ามาต่อเนื่อง ถือว่าประสบผลสำเร็จนำพาธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ดี การระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายเป็นปัญหาใหม่ที่ทำให้ “เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ” ต้องปรับการทำงานอีกครั้ง เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ที่มีอยู่เดิมต่างได้รับผลกระทบ นำมาซึ่งการที่บริษัทต้องเข้าพบปะและนำเสนอผลงานต่อสายตาของลูกค้า รวมถึงการสร้างความต่างและทำให้สินค้าของตัวเองเป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึงมากขึ้น
“เราต้องเข้าหาลูกค้า สร้างแบรนด์เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะในช่วงโควิดระบาด ธุรกิจ E-Commerce คึกคักมาก ความต้องการใช้กล่องกระดาษพุ่งสูง เพราะการสั่งซื้อขายสินค้าออนไลน์เติบโต เราต้องเจาะตลาดนั้นให้ได้ เลยคิดหาวิธีเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า “Clickboxes” จึงเป็นแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาให้เกิดจุดเด่นและจดจำง่าย เพื่อขายกล่องผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเน้นกล่องที่ออกแบบสวยงาม แข็งแกร่ง อีกทั้งการผลิตกล่องให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าคือสิ่งสำคัญ เมื่อลูกค้าพอใจ และ ไว้ใจเรา เราก็ขายของได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญลูกค้าไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อเป็นจำนวนมากเพราะเราจะผลิตให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนการสิ้นเปลืองได้ด้วย” เธอให้เหตุผล
ปัจจุบัน เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ ภายใต้แบรนด์ Clickboxes ซึ่งฐานลูกค้าเป็นแบบ B2B ได้ขยายฐานผลิตกล่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบ B2C ด้วย ทำให้หมดกังวลเรื่องสต๊อก อีกทั้งช่วยกระตุ้นยอดขายเพราะกล่องที่ผลิตเน้นออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น เหมาะกับการใช้งานจริง ซึ่งจะช่วยบริหารต้นทุนให้ลูกค้าด้วย และนอกจากการผลิตกล่องกระดาษแบบเดิมแล้ว ยังเพิ่มระบบการพิมพ์ให้ครบวงจรทั้ง Flexo, Offset, Inkjet และ Digital ที่มีความแตกต่างในแต่ละประเภท มีทั้งกล่องกระดาษลัง กล่องกระดาษไร้สารตกค้าง กล่องทนน้ำและกันไฟ ทำให้ขยายกำลังการผลิตได้มากถึง 1000 ตัน/เดือน
และนั่นก็ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของธุรกิจสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญ รับออกแบบและผลิตกล่องกระดาษแบบครบวงจร
ปัจจุบันรายได้ของเอกราชอุตสาหกรรมกระดาษมีรายได้ประมาณ 110-120 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่อย่างผู้ผลิตสินค้าตราหัวม้าลาย บีทาเก้น รวมทั้งการผลิตออร์เดอร์ให้กับบริษัทในเครือซิเมนต์ไทย อีกทั้งการขายสินค้าออนไลน์ต่างๆ ของ SMEs แบรนด์ดังๆ ดาราและอื่นๆ ซึ่งปีนี้บริษัทจะพยายามปั้นรายได้ให้ได้ 130-150 ล้านบาท
และจากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ “อัญญรัตน์” มองถึง การระดมทุนเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตและคาดว่าใช้เวลา 5-10 ปี เพื่อสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งและมั่นคงก่อนเป็นสิ่งสำคัญ
3 รางวัล การันตีคุณภาพ
จากความพยายามและความมุ่งมั่นของ เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ ส่งผลให้ บริษัทได้รับรางวัลระดับประเทศ 3 รางวัล คือรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น PM Award ประเภทการบริหารการจัดการดีเด่น จากกระทรวงอุตสาหกรรม และรางวัล TMA SME Excellence Award 2022 ระดับ Gold Award ประเภทธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต จากสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับรางวัล Bai Po Business Award by Sasin อันสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีศักยภาพ
โดยหนึ่งในความสำเร็จคือ การได้รับสินเชื่อจากธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งธนาคารนี้มุ่งส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมความรู้ การสร้างเครือข่ายที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสเอ็มอีให้สามารถอยู่รอดได้ เพราะเอสเอ็มอี ถือได้ว่าเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin คือส่วนหนึ่งที่เป็นเสมือนการให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีไทยในการสร้างความโดดเด่ดและแตกต่างของของสินค้าบริการและพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจให้อยู่รอดในทุกสถานการณ์ อันสะท้อนให้เห็นถึงความไม่หยุดนิ่งและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี ด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้ธุรกิจไทยรายอื่นๆ ต่อไป
สำหรับ บริษัท เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ จำกัด เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน กิจการเจริญเติบโตมาเรื่อยๆ และได้สร้างโรงงานแห่งที่ 2 บนพื้นที่ 7 ไร่ เพื่อขยายกำลังการผลิตทั้งการผลิตกล่องลูกฟูกและกล่อง Offset ควบคู่กัน จนกระทั่งปัจจุบันเป็นผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายกล่องบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์มายาวนานกว่า 40 ปี โดยใช้สโลแกน "บริการทุกภาค ทั่วไทย" ด้วยการออกแบบและผลิตจากทีมงานคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานและความต้องการของลูกค้า
