xs
xsm
sm
md
lg

"อาคม" ย้ำฐานะคลังแกร่ง-เศรษฐกิจโต 3-4% ปีหน้างบขาดดุลเพิ่ม 1.65 แสนล้าน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.คลังย้ำเสถียรภาพการเงินยังแข็งแกร่ง เศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่องปีนี้ 3-4% จ่อดูตัวเลขเศรษฐกิจก่อนปรับประมาณการอีกครั้ง ระบุงบขาดดุลปีหน้าเพิ่มอีก 1.65 แสนล้าน ลุยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มั่นใจเงินเฟ้อในประเทศคุมอยู่ในระดับ 3% หลังใช้การแก้ปัญหาที่ตรงจุดจากราคาพลังงาน และลดต้นทุนช่วยเหลือประชาชน

วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Ibusiness จัดสัมมนาใหญ่ประจำปี “The NEXT Thailand’s Future : จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน” โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ พร้อมระดมตัวแทนภาครัฐ เอกชน ฝ่ายการเมืองโชว์วิสัยทัศน์ ร่วมผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายในงานสัมมนา The next thailand’s future จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน จัดโดย Ibusiness รวมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับผลกระทบทั้ง 2 ด้าน คือ การแพร่ระบาดของโดวิด-19 และสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกประเทศเจอเช่นกัน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแก้ไขปัญหาว่าจะทำได้รวดเร็วมากน้อยขนาดไหน และต้องแก้ไขให้ตรงจุดทั้งในส่วนของภาคประชาชน ธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี โดยหลังจากปัญหาที่เกิดขึ้นประเทศมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และถ้าต่อจากนี้เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าไปสู่ความยั่งยืนได้นั้นคงต้องดูปัจจัยควบคู่กันคือ 1.การเติบโตของเศรษฐกิจ 2.เสถียรภาพทางการเงิน

สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจนั้น ในช่วงที่ผ่านมามีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 63-66 การเติบโตปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และคาดว่าจะในปีนี้จะเติบโตได้ตามประมาณการเดิมที่ระดับ 3-4% ซึ่งต่อจากนี้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ระดับ 4-5% ส่วนในปีนี้อาจจะต้องดูตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจไทยของเดือนมกราคม-มีนาคมอีกครั้งก่อนว่าจะมีการปรับประมาณการใหม่หรือไม่

“การเติบโตของเศรษฐกิจไทยมักมีคำถามเสมอว่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน แต่ถือว่าอยู่ในเส้นทางที่ดีแม้จะยังไม่รู้ว่าเศรษฐกิจไทยจะพีกได้เหมือไร ซึ่งการเติบโตต่อจากนี้ยังอยู่ภายใต้สมมติฐานในการเพิ่มผลผลิตและการเพิ่มทักษะแรงงานควบคู่กันไปด้วย ซึ่งหลังจากโควิดอาจเกิดการขาดแคลนแรงงานที่ยังไม่กลับมาจากลช่วงโควิด และบางส่วนอาจเข้าไปอยู่ในส่วนภาคการเกษตรแทน นอกจากนี้ การเพิ่มทักษะแรงงานในยุคดิจิทัลเป็นเรื่องที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน”

นายอาคม กล่าวอีกว่า ในด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ถ้าดูจากทุนสำรองระหว่างประเทศในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ในเพดานที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยหนี้สาธารณะ 61.26% เพิ่มขึ้นมาจากการปรับตัวเลขจีดีพไตมาส 4 และการกู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2566 ทำให้ปัจจุบันสถานการณ์คลังของไทยังคงมีเสถียรภาพมั่นคง แต่ถ้าจะให้เกิดความยั่งยืนต้องให้เกิดการคลังสมดุลในอนาคต ซึ่งปัจจุบันภาครัฐยังต้องมีการลงทุนด้านโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยทำให้งบประมาณในปี 2567 ยังเป็นแบบขาดดุล และจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 1.65 แสนล้าน เพื่อจะนำมาใช้จ่ายในการขยายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

ขณะที่การแก้ปัญหาเงินเฟ้อนั้น กระทรวงการคลังได้มีการประสานงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้กรอบเงินเฟ้ออยู่ระดับ 3% ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังพยายามแก้ไขเงินเฟ้อให้ตรงจุดทั้งในเรื่องของการลดต้นทุนด้านพลังงาน และการช่วยหลือภาคประชาชน

“ด้านเสถีรภาพทางเศรษฐกิจเราดูแลการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธภาพและตรงจุด ซึ่งการแก้ปัญหาต่างๆ จะครอบคลุมทั้งในส่วนของภาคประชาชน ธุรกิจขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอี ซึ่งถ้าเป็นเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจจะให้เน้นการปรับโครงสร้างหนี้มากว่าการพักชำระหนี้ การช่วยลดต้นทุนค่าไฟและก๊าซหุ้งต้ม เป็นส่วนที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแล และทุกนโยบายที่ออกมามุ่งสู่เป้าหมายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด”










กำลังโหลดความคิดเห็น