xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยบาทเปิดตลาดที่ 35.10 ผันผวนในทางอ่อนค่า-กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (8 มี.ค.) ที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงหนักจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 34.55 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.95-35.20 บาท/ดอลลาร์ โดยบรรดาผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ ต่างกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น สะท้อนจากการปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคมนี้สู่ระดับเกือบ 70% (จากเพียง 30% ในวันก่อนหน้า) และผู้เล่นในตลาดมองว่าเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.75% ภายในการประชุมเดือนมิถุนายน หลังประธานเฟด Powell ได้เน้นย้ำว่า ภารกิจคุมอัตราเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจนแตะระดับสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้และเฟดอาจจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยหากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งความกังวลว่าเฟดจะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นได้กดดันดัชนี S&P500 ดิ่งลงกว่า -1.53%

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่าการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ รวมถึงการย่อตัวลงของราคาทองคำใกล้โซนแนวรับ คือ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็วทะลุโซนแนวต้านระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ในส่วนของแนวโน้มเงินบาทในวันนี้เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าต่อได้บ้าง โดยเฉพาะหากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Opening) หรือยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP (ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม หรือ Nonfarm Payrolls ในวันศุกร์นี้ได้) ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจว่าเฟดอาจจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคม (เราคงมองว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเพียง +0.25% ในการประชุมเดือนมีนาคม แต่คาดการณ์ดอกเบี้ยหรือ Dot Plot จะสูงขึ้นชัดเจน)

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทอาจไม่รุนแรงมาก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USDTHB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ได้บ้าง ทว่า ต้องจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติว่าจะกลับมาขายสินทรัพย์ไทยมากขึ้น หรือไม่ หลังล่าสุด แรงขายบอนด์และหุ้นไทยเริ่มชะลอลง นอกจากนี้ หากถ้อยแถลงของประธาน ECB ได้เน้นย้ำว่า ECB จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อเช่นเดียวกันกับเฟด อาจช่วยหนุนให้เงินยูโร (EUR) มีโอกาสรีบาวนด์แข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งจะช่วยชะลอโมเมนตัมการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงระยะสั้น ก่อนที่ผู้เล่นในตลาดจะรับรู้ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ (Nonfarm Payrolls) ในวันศุกร์นี้

ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ทำให้เรามองว่าผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย เช่น Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลง -0.77% กดดันโดยความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้สะท้อนผ่านแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เช่น ASML -2.7% Adyen -1.8%

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ความกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้หนุนให้บอนด์ยิลด์ในฝั่งสหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะบอนด์ยิลด์ระยะสั้น ถึงบอนด์ยิลด์ระยะกลาง ส่วนบอนด์ยิลด์ระยะยาวอย่างบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะที่ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านสำคัญระดับ 4.00% ก่อนที่จะย่อลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.98% เนื่องจากผู้เล่นบางส่วนอาจพอใจกับระดับบอนด์ยิลด์ดังกล่าว และอาจต้องการถือบอนด์ในช่วงตลาดผันผวน ทั้งนี้ เราประเมินว่า บอนด์ยิลด์ระยะยาว อย่างบอนด์ยิลด์ 10 ปี ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ซึ่งผู้เล่นในตลาดควรรอทยอยเข้าซื้อในช่วงที่บอนด์ยิลด์มีการปรับตัวขึ้น เช่น บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ระดับสูงกว่า 4.00% (อาจรอดูการทดสอบจุดสูงสุดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาแถว 4.20%)

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นตามภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใสอยู่ ซึ่งล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105.6 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวลงแรงและแกว่งตัวใกล้โซนแนวรับสำคัญแถว 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่าการปรับตัวใกล้โซนแนวรับดังกล่าวอาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวได้บ้าง โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เช่น ยอดการจ้างงานภาคเอกชนที่สำรวจโดย ADP รวมถึงข้อมูลสำคัญ อย่างยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ที่ช่วยสะท้อนถึงความต้องการแรงงานในสหรัฐฯ ได้

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส รวมถึงถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟดและ ECB ในระยะถัดไป
กำลังโหลดความคิดเห็น