นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติ ครม. ขยายระยะเวลาอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ วงเงิน 250,000 ล้านบาท ออกไปอีก 1 ปี เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจภายใต้
(1) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเพื่อให้ความช่วยเหลือและเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังประกอบธุรกิจและมีศักยภาพในการแข่งขัน แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูธุรกิจ
(2) มาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว เพื่อเป็นแหล่งทุนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ที่มีความพร้อมและต้องการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรองรับบริบทใหม่และการเปิดประเทศหลังสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19
ครม.ยังมีมติเห็นชอบรับโอนวงเงินคงเหลือของมาตรการรับโอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ (วงเงิน 100,000 ล้านบาท) หลังสิ้นสุดมาตรการ ในวันที่ 9 เม.ย.66 นี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันกับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมเริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ จึงไม่มีความจำเป็นต้องนำหลักประกันมาเข้าโครงการฯ โดยคาดว่าจะมีวงเงินคงเหลือสูงสุด 29,000 ล้านบาท มารวมไว้เป็นวงเงินภายใต้มาตรการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ จากที่คาดว่าจะคงเหลือ 32,500 ล้านบาท มีวงเงินคงเหลือรวมทั้งสิ้น 61,500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้มาตรการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจยืดหยุ่น ช่วยฟื้นตัวของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุน หรือที่มีหนี้เดิมค้างชำระ อยู่ในการปรับโครงสร้างหนี้ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน