ทายาทตระกูลดัง "ลิปตพัลลภ และมหากิจศิริ" เปิดโมเดลการขับเคลื่อน "ธุรกิจอสังหาฯ" อีกระลอกหลังโควิดคลี่คลาย แม้จะเดินอยู่บนเวทีการแข่งขันที่ดุเดือด แต่แนวคิด รูปแบบ และกลยุทธ์อาจจะต่างกัน แต่กลับไร้ขีดจำกัดในเรื่องของ "แหล่งเงิน" เติมเต็มด้วย "คอนเน็กชัน"!
ตระกูลใหญ่ในประเทศไทยที่เข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คงมีจำนวนไม่น้อยที่หาจังหวะเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้ เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แลนด์แบงก์ที่ได้สะสมมา หรือการลงทุนในแปลงที่ดินใหม่ๆ แต่มีบางรายที่เงียบหายไปจากวงการอสังหาฯ เพียงแต่บางรายไม่ได้ออกสื่อมากนัก แต่รายที่มีความต่อเนื่อง และมีการแถลงข่าวถึงทิศทางธุรกิจในปัจจุบัน คงจะเป็นธุรกิจอสังหาฯ ของตระกูล 'ลิปตพัลลภ' และตระกูล 'มหากิจศิริ' ที่ประกาศ เคลื่อนไหวลงทุนอีกครั้งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายอย่างชัดเจน
'พราว เรียล เอสเตทฯ' รุกเจาะอสังหาฯ ใจกลางซีบีดี
เริ่มจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล 'ลิปตพัลลภ' ที่ได้แถลงข่าวล่าสุด นำโดยน.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ที่กล่าวถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทต่อจากนี้ว่า จะเห็นบริษัท พราวฯ ขยับเข้ามาสู่พื้นที่กรุงเทพฯ มากขึ้น หลังจากที่เรามีการเปิดโครงการที่หัวหินมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากการเปิดขายโครงการใหม่ล่าสุด "รมย์ คอนแวนต์" แล้ว ภายในเดือนเมษายน 2566 จะได้เปิดการขายโครงการ วี อารีย์ บ้านเดี่ยวใจกลางอารีย์ มูลค่าโครงการรวม 507 ล้านบาท และการมีพันธมิตรเข้ามาเสริม เพื่อส่งเสริมในเรื่องบริการต่างๆ ให้ลูกค้าที่พักอาศัยในโครงการของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ในแผนปีนี้และต่อเนื่องถึงปี 2567 ได้ศึกษาที่จะเปิดโครงการเพิ่มอีก 1-2 โครงการ ซึ่งจะเป็นการลงทุนโดยตรงทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองท่องเที่ยว โดยได้เตรียมงบลงทุนจัดซื้อที่ดิน 1,600 ล้านบาท
สำหรับโครงการล่าสุดที่ได้ฤกษ์เปิดตัวคอนโดฯ ใจกลางซีบีดี ภายใต้ชื่อ "รมย์ คอนแวนต์" ทางบริษัทได้จัดซื้อที่ดินมาช่วงกลางปี 2564 ขนาดเนื้อที่ 1-2-40.7 ไร่ มูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาโครงการขนาดมูลค่าได้ประมาณ 4,150 ล้านบาท จำนวน 180 ยูนิต ในราคาเฉลี่ย 258,000 บาทต่อ ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 8.5 ล้านบาท และมีห้องเพนต์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอย 418-468 ตร.ม. ราคาประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งจะมีเปิดขาย (พรีเซลส์) วันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มอีก 500 ล้านบาท จากที่มีลูกค้าแสดงความสนใจจองมาก่อนแล้ว 500 ล้านบาท
"ในปีนี้เราคาดว่าผลงานที่ออกมาจะมีรายได้เติบโตร้อยละ 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 ประมาณ 2,200 ล้านบาท เป้ายอดขายไว้ 3,300 ล้านบาท หลักๆ มาจากโครงการ รมย์ คอนแวนต์ มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท (จากมูลค่าโครงการ 4,150 ล้านบาท) โครงการคอนโดฯ เวหา มียอดขาย 800 ล้านบาท (จากมูลค่าโครงการ 2,290 ล้านบาท) และโครงการ วี อารีย์ รับรู้ทั้งหมด 507 ล้านบาท"
'อุษณา มหากิจศิริ' มุ่งมั่นพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์
สำหรับตระกูล 'มหากิจศิริ' แล้ว ยังคงมีความเคลื่อนไหวออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทายาทสาว น.ส.อุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้ให้มุมมองต่อตลาอสังหาฯ ในปี 2566 อย่างน่าสนใจว่า "เราทำธุรกิจต้องมองทั้งมุมบวกและมุมลบเพื่อประกอบในการกำหนดนโยบาย และปีนี้เรายังคงเชื่อมั่นและร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง" น.ส.อุษณา กล่าวถึงกลยุทธ์การขยายตลาดอสังหาฯ และย้ำว่า
ในปี 2566 เดอะเนสท์ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ หรือกลุ่มบ้าน Luxury พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่บริษัทฯ ได้ขยายฐานมาตั้งแต่ปี 2565 ด้วยการเปิดบ้านแนวราบในกลุ่มบ้าน Luxury โซนตะวันออก ซึ่งเป็นโซนที่มีการเติบโตทางการตลาด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปในพื้นที่อย่างชัดเจน
ซึ่งกลุ่มทุนที่เข้ามาเสริมแกร่งยังคงเป็นพันธมิตรอสังหาฯ รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น "บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD)" โดยปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 3,900 ล้านบาท และหากรวมกับโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา โครงการนำร่องที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2565 จะมีโครงการมูลค่ารวมสูงถึง 6,400 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดโครงการได้กระแสตอบรับที่ดีมากสำหรับกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 30-40 ปี ที่ต้องการขยายครอบครัวออกมา
ทั้งนี้ 2 โครงการใหม่เตรียมเปิดในปีนี้เป็นบ้านเดี่ยวอยู่โซนศรีนครินทร์ และกรุงเทพกรีฑา โดยโครงการแรกพัฒนาภายใต้ชื่อ “เอเวียน ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา” เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 42-0-54 ไร่ จำนวน 166 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่าโครงการประมาณ 2,700 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 2 พัฒนาภายใต้ชื่อ “แอร์รี่ ศรีนครินทร์-สวนหลวง” พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดิน 9-2-25 ไร่ จำนวน 43 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในไตรมาส 4 มูลค่าโครงการประมาณ 1,200ล้านบาท
“ตลาดกลุ่มบ้าน Luxury ที่มีระดับราคาช่วง 20-40 ล้านบาท จากการสำรวจตลาดของทีม Research ข้อมูล พบว่ายังมีซัปพลายเหลืออยู่ในตลาดไม่มาก ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงเล็งเห็นถึงโอกาสของตลาดบ้านกลุ่มนี้ พร้อมออกแบบบ้านสำหรับทุกคนในครอบครัว และให้มีความโดดเด่นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค”
สำหรับการลงทุนโครงการใหม่นั้น น.ส.อุษณา ระบุว่า ยังคงมีอย่างแน่นอน ทั้งโครงการคอนโดฯ และโครงการบ้านเดี่ยว แต่จะการลงทุนโดยตรงหรือมีพันธมิตรร่วมทุนนั้นเป็นไปได้ทั้ง 2 แนวทาง