Binance Holdings Ltd. เปิดตัว B-Tokens ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์หลักประกันรูปแบบใหม่ ในลักษณะ “กึ่งอัตโนมัติ” เพื่อจัดการกับเงินสำรองในระบบ หลังจากมีปัญหาด้านการจัดการเงินฝากที่ปนกันของลูกค้า ซึ่งทำให้เกิดความผิดพลาดด้านเงินสำรองผสมกับเงินของลูกค้ารายอื่น และบางครั้งก็หายไปบางส่วน ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
จากการเปิดเผยของสำนักข่าว Bloomberg ระบุถึง Binance Holdings Ltd. บริษัทแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ยักษ์ใหญ่เพิ่งเปิดตัวระบบโทเคนพิสูจน์หลักประกันระบบกึ่งอัตโนมัติสำหรับธุรกรรมการฝากของลูกค้า โดยตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่าระบบนี้จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนสามารถจัดการการสำรองโทเค็นได้อย่างเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทเปิดเผยว่าได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นของการเก็บรักษาหลักประกันโทเค็น Binance-peg มากกว่า 40 รายการจากทั้งหมด 94 รายการในกระเป๋าเงินมูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งระบบค้ำประกันนี้จะช่วยให้การแลกเปลี่ยน สามารถจัดการการสำรองโทเค็นได้อย่างเหมาะสม
โดยเมื่อเดือนที่แล้ว การแลกเปลี่ยน crypto ยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับโทเค็นที่เป็นปัญหา ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่เสมอไป ในขณะนั้น ยอมรับว่าเป็นเวลานานแล้วที่โทเค็นที่ออกนั้น มีเงินสำรองที่ผสมกับเงินของลูกค้าหรือบางครั้งก็หายไป
นอกจากนี้ยังมี Stablecoin หลักหนึ่งตัว ซึ่งเงินสำรองไม่ได้รับการบันทึกอย่างเหมาะสมระหว่างปี 2020 ถึง 2021 ทำให้เงินที่มองเห็นได้จากภายนอกหายไปประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์
แม้ว่าจะสังเกตเห็นว่าปัญหาเหล่านั้นได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ Binance ได้สร้างกระบวนการใหม่ที่ทำให้มั่นใจได้ว่า B-tokens นั้น “ได้รับการสำรองอย่างโปร่งใสเสมอ” ซึ่งหมายความว่าสำหรับระบบที่จะอนุญาตให้สร้างเหรียญใหม่ได้ จะต้องมีหลักประกันก่อน ที่อยู่ในกระเป๋าเงินที่เกี่ยวข้อง
โฆษกของบริษัทตั้งข้อสังเกตว่าสินทรัพย์ B-token ได้รับการสนับสนุนโดยหลักประกันเสมอ อย่างไรก็ตาม การย้ายครั้งใหม่นี้สอดคล้องกับมติของตลาดหลักทรัพย์ที่จะโปร่งใสมากขึ้นในการติดต่อซื้อขาย ซึ่งเขาให้ความเห็นว่า “หลักประกันนี้สนับสนุนสินทรัพย์ B-token ของผู้ใช้เสมอมา และพร้อมให้ถอนได้ตลอดเวลา ตอนนี้เรากำลังแสดงบนเครือข่ายในกระเป๋าเงินเฉพาะซึ่งจะคงอยู่จนกว่าจะจำเป็น”
Binance ปรับระบบกึ่งอัตโนมัติ
ในขณะเดียวกัน Binance ยังได้ให้เหตุผลในการเลือกใช้กระบวนการอัตโนมัติบางส่วน แทนที่จะเป็นกระบวนการอัตโนมัติทั้งหมด ตามที่โฆษกระบุว่าการตัดสินใจทุกอย่างเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ซึ่งเขากล่าวว่า “กระบวนการที่ต้องมีการแทรกแซงด้วยตนเองนั้นช้ากว่า แต่ปลอดภัยกว่า”
โดยพื้นฐานแล้วหมายความว่าตอนนี้ Binance อาจดำเนินการอย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดการแฮ็ก นอกจากนี้ Binance ยังควบคุมเหตุการณ์ดังกล่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อการสำรอง B-Token ได้มากขึ้น
ณ วันที่เผยแพร่ Binance ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหวังว่าจะมั่นใจได้ว่าเงินสำรองจะไม่ปะปนกับเงินของลูกค้านับจากนี้