นายกฯ มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว การเงินการคลังมีเสถียรภาพ การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 2566 เกินเป้า 9.1 หมื่นล้านบาท ตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น หลังทราบรายงานการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 2566 รวมทั้งอีกปัจจัยบวกตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศของไทยที่เพิ่มมากขึ้น สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมด้านความมั่นคงทางการเงินของรัฐบาล และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้เปิดเผยการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง ต.ค.65 ถึง ม.ค.66 พบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 836,643 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 91,339 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.3 โดยการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร รวมกันอยู่ที่ 820,825 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 45,646 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.9
ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศรวม (Gross International Reserves) เดือน ม.ค.66 อยู่ที่ 225,486.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.65 ซึ่งมีอยู่ที่ 216,632.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ 10 ก.พ.66) โดยเงินสํารองระหว่างประเทศจะเป็นสินทรัพย์ต่างประเทศที่สามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากจําเป็น เช่น การนำมาใช้กรณีชดเชยการขาดดุลการชําระเงิน หรือใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านการดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจที่บูรณาการอย่างมีเป้าหมาย นอกจากนี้ เศรษฐกิจของไทยยังถือว่ามีความแข็งแกร่ง มีเสถียรภาพการคลัง และประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศ (ไม่รวมทองคำ) มากที่สุดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก จากการจัดอันดับของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ซึ่งนายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าอย่างสมดุล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนชาวไทยทุกคน” นายอนุชา กล่าว