Facebook เตรียมเปิดบริการ Meta Verified เก็บค่าสมาชิกแบบยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนที่จ่ายค่าบริการและดูแลแบบรายเดือนจะได้รับเครื่องหมายถูกสีฟ้า หรือ Blue Tick Verification ยกระดับสิทธิพิเศษผู้ใช้แบบ VVIP นักวิเคราะห์คาดต่อยอดไปสู่บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล คริปโต NFT ฯลฯ
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท เมตา หรือ Meta เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Facebook ประกาศปรับกลยุทธการดำเนินธุรกิจครั้งใหญ่ โดยถอดแบบการเรียกเก็บเงินเพื่อยืนยันตัวตนแบบรายเดือน เหมือนเช่นที่ Elon Musk ผู้บริการของ Twitter ประกาศเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ในอัตราที่แตกต่างกัน ทั้งส่วนบุคคล แบรนด์สินค้า หรือ ธุรกิจ โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ระบุว่าจะเปิดให้บริการ เมตา เวอร์ริฟายด์ (Meta Verified) ให้ผู้ใช้จ่ายค่าสมาชิกแบบยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่ออกให้โดยหน่วยงานราชการสำหรับผู้ใช้งานทั้ง Facebook และ Instagram (โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยเก็บรายเดือนสำหรับ Instagram หลังจากนี้ และอาจมีโปรโมชั่นส่วนลดคู่ สำหรับผู้ใช้ทั้ง 2 แพล็ตฟอร์ม)
โดยความแตกต่างใหม่ที่ผู้ใช้งานจะได้รับหลังจาก Meta Verified คือสัญลักษณ์เครื่องหมายรับรองความถูกต้อง เป็นเครื่องหมายถูกสีฟ้า (Blue Tick Verification) เพื่อยืนยันว่าเป็นบัญชีของเจ้าของตัวตนนั้นจริง เพื่อป้องกันถูกปลอมแปลงแอบอ้างบัญชีจากมิจฉาชีพ นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษในการให้ความช่วยเหลือเจ้าของบัญชี จากทีมงานของ Meta โดยตรงแบบ VVIP เพื่อรับความช่วยเหลือหากเกิดปัญหาการใช้งานจากทั้งความคุกคามของแฮกเกอร์หรือการปรับแต่งเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
นอกจากนี้ยังแบ่งเรตราคาออกเป็น 2 แพล็ตฟอร์มคือราคาค่าบริการของ Meta Verified นั้นจะเริ่มต้นที่ 11.99 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการใช้งานผ่านเว็บไซต์ประมาณ 400 บาทต่อเดือน ขณะที่หากเป็นบนสมาร์ทโฟนแอปพลิเคชันระบบปฏิบัติการ iOS ก็จะคิดราคาที่ $14.99 ต่อเดือน หรือประมาณ 520 บาทต่อเดือน (จากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 20 ก.พ.2566 ) โดยนักวิเคราะห์ต่างประเทศมองว่าการลงทะเบียนและเสียค่าบริการรายเดือน Meta Verified นี้ อาจะต่อยอดเพื่อรองรับการใช้งานร่วมธุรกรรมคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ตามนโยบายผลักดันการใช้ metaverse ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เช่นการเก็บรักษาเหรียญคริปโต หรือ NFT เป็นต้น
ทั้งนี้จุดประสงค์สำหรับวิธีการดังกล่าวทางบริษัทต้องการใช้เพื่อจัดการกับบัญชีปลอมจำนวนมากที่มักแอบอ้างเป็นบุคคลสำคัญและช่วยยกระดับความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนบนแพลตฟอร์มได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเก็บค่าบริการรายเดือนแบบใหม่นี้ ในตอนแรกจะใช้สำหรับการยืนยันใช้งานส่วนบุคคลก่อนที่จะขยับไปสู่สำหรับภาคธุรกิจในลำดับถัดไป โดยผู้ใช้งานจะต้องใช้ชื่อตรงกับชื่อบนบัตรประชาชน (ได้ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาราชการของประเทศ) เพื่อได้รับการยืนยันและผู้ใช้งานจะต้องมีรูปภาพโปรไฟล์ที่มีใบหน้าของตนเอง โดยช่วงแรกจะเปิดให้บริการ Meta Verified ในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นจะทยอยเปิดให้บริการในประเทศอื่นๆต่อไปในเร็ว ๆ นี้
ย้อนหลังกลับไปก่อนหน้านี้รูปแบบการเรียกเก็บเงินรายเดือนมาจาก Twitter แพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดียอันดับสองของโลก ที่ริเริ่มเรียกเก็บค่าบริการเพื่อยืนยันตัวตนในการคัดกรองผู้ใช้งานจริง เพื่อหวังกำจัดสแปมบอทออกไปจากระบบ ซึ่งเป็นบัญชีปลอมที่นักพัฒนาซอร์ฟแวร์สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางประการ นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เรียกเก็บเงินรายเดือนเช่น Reddit แหล่งชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ (คล้ายๆเว็บ pantip.com ในบ้านเรา) แพล็ตฟอร์ม Youtube การฟังเพลงและดูคลิปวิดีโอโดยไม่มีโฆษณาคั่น และ Discord แหล่งรวมไลฟ์แช็ตและสตรีมของผู้ใช้งานหลากหลายประเภททั่วโลก โดยแพล็ตฟอร์มดังกล่าวนั้น มีรูปแบบการสมัครรับข้อมูลและการใช้งานในทำนองเดียวกัน แต่จะได้รับสิทธิพิเศษในฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างกันไปจากบัญชีทั่วไป
อย่างไรก็ดี สมาชิกผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันตัวตน Meta Verified จะยังคงใช้งานได้ตามปกติโดยไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการ แต่จะไม่สามารถปรับแต่งฟังก์ชั่นอื่นๆในระบบได้หลังจากที่เริ่มมีการใช้ Meta Verified เช่น ไม่สามารถปิดโฆษณาหน้าฟีดที่แสดงได้
ทั้งนี้ บริการ Meta Verified ซึ่งเป็นบริการใหม่นี้ จะไม่กระทบกับผู้ใช้งานที่มีสัญลักษณ์เครื่องหมายถูกสีฟ้า หรือ Blue Tick Verification ซึ่งได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้แล้ว (ไม่ต้องลงทะเบียนยืนยันซ้ำ) แต่อย่างใด แต่อาจส่งผลกระทบในลักษณะของการบังคับให้จ่ายเงินเพิ่มทีหลัง เพื่อเปิดการมองเห็นให้มีการเข้าถึงโพสต์และผู้ใช้งานอื่น ๆ (ต่างจากผู้ที่จ่ายเงิน เพื่อให้ได้รับสัญลักษณ์นี้ซึ่งจะได้รับการให้บริการที่มากกว่าซึ่งจะเหมาะสำหรับโปรไฟล์ของคนดัง ดารา นักร้อง ฯลฯ)