xs
xsm
sm
md
lg

ทายาท "มหากิจศิริ" ชี้ปัจจัยบวกหนุนอสังหาฯ โต ลุยเปิด 2 โปรเจกต์ร่วมทุน KRD รวมมูลค่า 3,900 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บิ๊กบอส The Nest “อุษณา มหากิจศิริ” เปิดแผนลุยตลาดอสังหาฯ ปี 2566 มั่นใจยังมีปัจจัยบวกหนุนตลาดรวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง เม็ดเงินต่างชาติยังไหลลงทุนเข้าประเทศไทย ผ่านตลาดทุนกลุ่มเรียลเซ็กเตอร์ต่างๆ อีกทั้งจีนเปิดประเทศส่งผลดีต่อภาคท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง เตรียมควงพาร์ตเนอร์ KRD ยักษ์อสังหาฯ ญี่ปุ่น เปิดตัว 2 โครงการใหม่กลุ่มบ้าน Luxury โซนศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา รวมมูลค่า 3,900 ล้านบาท

น.ส.อุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (The Nest Property) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2566 ว่า โดยรวมแล้วตลาดอสังหาฯ น่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมีแรงหนุนจากปัจจัยบวกต่างๆ ทั้งเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังไหลมาลงทุนในไทยผ่านตลาดทุนและการลงทุนในกลุ่มเรียลเซ็กเตอร์ต่างๆ ประกอบกับจีนมีนโยบายเปิดประเทศ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักมากขึ้นอีกครั้ง ปัจจัยบวกเหล่านี้จะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน

“เราทำธุรกิจต้องมองทั้งมุมบวกและมุมลบเพื่อประกอบในการกำหนดนโยบาย และปีนี้เรายังคงเชื่อมั่นและร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง” น.ส.อุษณา กล่าวพร้อมกับขยายความว่า “หากภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นบริษัทฯ เชื่อว่ายอดขายอสังหาฯ ตัวเลขจะต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ความต้องการ (Demand) ซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบของผู้บริโภคในประเทศเองก็แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนภาพได้จากยอดขายบ้านแนวราบของบริษัทฯ ที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคภายในประเทศ รวมถึงผลประกอบการด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงปี 2565 ของผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เน้นเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ”

ส่วนนโยบายการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นั้น น.ส.อุษณา กล่าวว่า “บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ หรือกลุ่มบ้าน Luxury พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่บริษัทฯ ได้ขยายฐานมาตั้งแต่ปี 2565 ด้วยการเปิดบ้านแนวราบในกลุ่มบ้าน Luxury โซนตะวันออก ซึ่งเป็นโซนที่มีการเติบโตทางการตลาด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปในพื้นที่อย่างชัดเจน”

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น คือบริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD) โดยปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 3,900 ล้านบาท และหากรวมกับโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา โครงการนำร่องที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2565 จะมีโครงการมูลค่ารวมสูงถึง 6,400 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดโครงการได้กระแสตอบรับที่ดีมากสำหรับกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 30-40 ปี ที่ต้องการขยายครอบครัวออกมา

ทั้งนี้ 2 โครงการใหม่เตรียมเปิดในปีนี้เป็นบ้านเดี่ยวอยู่โซนศรีนครินทร์และกรุงเทพกรีฑา โดยโครงการแรกพัฒนาภายใต้ชื่อ “เอเวียน ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา” เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 42-0-54 ไร่ จำนวน 166 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่าโครงการประมาณ 2,700 ล้านบาท

“โครงการนี้อยู่ติดถนนกรุงเทพกรีฑา ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชันที่หลากหลายและจุดเด่นที่ทุกคนจะต้องประทับใจ อีกทั้งยังมีความคุ้มค่าเรื่องราคา ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว ราคาเปิดตัวเพียง 12.9 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับดีเหมือนกับโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา”

ส่วนโครงการที่ 2 พัฒนาภายใต้ชื่อ “แอร์รี่ ศรีนครินทร์-สวนหลวง” พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดิน 9-2-25 ไร่ จำนวน 43 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในไตรมาส 4 มูลค่าโครงการประมาณ 1,200ล้านบาท

“ตลาดกลุ่มบ้าน Luxury ที่มีระดับราคาช่วง 20-40 ล้านบาท จากการสำรวจตลาดของทีม Research ข้อมูล พบว่ายังมีซัปพลายเหลืออยู่ในตลาดไม่มาก ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงเล็งเห็นถึงโอกาสของตลาดบ้านกลุ่มนี้พร้อมออกแบบบ้านสำหรับทุกคนในครอบครัว และให้มีความโดดเด่นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค”


ด้านนายเคนอิจิ ฟูจิโนะ ประธานกรรมการ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ KRD กล่าวว่า แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายบางประการ เช่น ต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจากราคาเหล็กที่พุ่งสูงขึ้น แต่เราเชื่อว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางสำหรับชาวจีน จะนำไปสู่การฟื้นตัวต่อไปของเศรษฐกิจไทยกับการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์

พร้อมกันนี้ น.ส.อุษณา ยังกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับปี 2566 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ (ยอดโอนกรรมสิทธิ์) ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการคอนโดฯ ที่บริษัทเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวลักชัวรี โดยมีโครงการที่เป็นไฮไลต์สำคัญ คือ โครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา ซึ่งในปีนี้จะมีการทยอยสร้างบ้านเสร็จออกมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 60 ยูนิต ซึ่งมีลูกค้าจองไปแล้วประมาณ 40% ขณะที่โครงการใหม่อีก 2 โครงการที่จะเปิดในปีนี้ จะเป็นบ้านที่ทยอยสร้างเสร็จพร้อมขายและพร้อมโอนเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการคอนโดฯ ที่เป็นการพัฒนาของบริษัทฯ เอง 100% อีก 5 โครงการคือ โครงการ The Nest Condo เพลินจิต The Nest Condo Sukhumvit 22 The Nest Condo Sukhumvit 64 The Nest Condo Sukhumvit 71 และโครงการ The Nest Condo Chula-Samyan
กำลังโหลดความคิดเห็น