กูรู ประเมินตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.พ.66 ยังเป็นบวกต่อเนื่อง ให้กรอบ 1,630-1,730 หลังดอกเบี้ยทั่วโลกเริ่มชะลอความร้อนแรง ขณะที่ในประเทศรับปัจจัยบวกการเปิดประเทศของจีน - เลือกตั้งหนุน แต่ยังต้องติดตามตัวเลข ศก.สหรัฯ - ส่งออกในประเทศ แนะกลยุทธ์ลงทุน ถือหุ้นในพอร์ต 70% เน้นเข้าซื้อช่วงที่ตลาดย่อตัวลง แนะ GULF,CRC,AAV,BE8,SCGP, SAPPE AP เป็น Top Pick และหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง
โนมูระ พัฒนสิน มองหุ้น ก.พ.เป็นบวก รับท่องเที่ยวฟื้น
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนก.พ.66 คาดว่าดัชนีฯ น่าจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เริ่มทรงตัวในระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ประกอบกับการทยอยประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่น่าจะออกมาเป็นบวก
นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมาน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้แล้วและอาจทำให้นักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการของหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในช่วงเดือนก.พ.นี้ ประเมินแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,650-1,668 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,700-1,720 จุด
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำนักลงทุนถือหุ้นในพอร์ตสัดส่วนราว 70% พร้อมเน้นเข้าซื้อช่วงที่ตลาดย่อตัวลงมา ส่วนหุ้น Top Pick ที่แนะนำในช่วงเดือนก.พ. มีจำนวน 7 บริษัท ได้แก่ GULF,CRC,AAV,BE8,SCGP, SAPPE และAP
บล. ทรีนีตี้ ให้กรอบ 1,630-1,730 จุด แนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนเดือนก.พ. ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,630-1,730 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนโดยรวมทั่วโลกน่าจะเคลื่อนไหวไปกับทิศทางของเงินดอลลาร์ โดยระหว่างเดือน ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการจ้างงานและรายงานเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลต่อมายังคาดการณ์ดอกเบี้ย Fed ในอนาคต
ณ ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมอง Terminal rate ของ Fed ที่ระดับ 4.75-5.00% หรือ Imply การขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้และรอบเดือนมีนาคม ครั้งละ 0.25% เท่านั้น
ด้านกลยุทธ์ กำหนดแนวรับเดือนนี้ที่ระดับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้านสำหรับการ Take profit ให้ไว้ 2 แนวได้แก่ 1,700 และ 1,730 จุด หากดัชนีไปถึงระดับ 1,700 จุด ให้ใช้บริเวณดังกล่าวในการลดน้ำหนักการลงทุนครึ่งหนึ่ง และถือลุ้นในส่วนที่เหลือไปขายทำกำไรที่บริเวณ 1,730 จุด
สำหรับ หุ้นที่น่าสนใจประจำเดือนนี้ ได้แก่ 1. DTAC โดยแนะนำซื้อบนธีมการควบรวมกับ TRUE และถือรอ Convert เป็นหุ้นใหม่ คาดการณ์ว่าภายหลังจากการควบรวมเสร็จสิ้น จะทำให้บริษัทใหม่มี Synergy เกิดขึ้น ทั้งฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ และความร่วมมือในการใช้เครือข่ายร่วมกัน
2. หุ้นกลุ่ม Property ได้แก่ SPALI, WHA 3. หุ้นที่มักมี Track record ในเดือนก.พ.ของทุกๆปีอยู่ในเกณฑ์ดี และ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ได้แก่ AMATA, GLOBAL, INTUCH, JMT
4.หุ้นในกลุ่มบริการที่ได้ประโยชน์จาก Mobility ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง และราคาอยู่ในช่วงพักตัว ได้แก่ M, VRANDA 5. หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ราคาปรับลงมารับผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่อ่อนแอไปแล้ว และกำไรมีแนวโน้ม Bottom out ต่อจากนี้ ได้แก่ GPSC
บล.ยูโอบี ฯ แนะลงทุน หุ้นกลุ่มรับประโยชน์เปิดเมือง
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เดือนก.พ.นี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสผันผวน จากการประกาศผลประกอบการ ซึ่งหุ้นในบางกลุ่มอาจประกาศออกมาไม่ดี จากหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองของจีน
อย่างไรก็ตามกรอบการแกว่งตัวลงยังจำกัด เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 1 ปีข้างหน้ามีทิศทางที่ดีขึ้น อ้างอิงจากการรายงานกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)เดือนม.ค. มีสัญญาณเชิงบวกหลายอย่าง เช่น การมองเศรษฐกิจปี 66 มองเศรษฐกิจโลกต่ำสุดในปี 66 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในปี 67 รวมถึงการปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจโลกปีนี้ขึ้น เป็น 2.9% จากเดิมคาด 2.7% รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจในยุโรปที่การถดถอยไม่ลึกตามคาด ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวแต่ไม่เกิดการถดถอย และกรณีจีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เป็นต้น โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ ที่ 1,670 จุด แนวต้าน 1,700 ถึง 1,720 จุด
โดยหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากการเปิดเมือง ซึ่งหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวโดยตรงอาจได้รับปัจจัยบวกและเก็งกำไรกันก่อนแล้ว แนะนำหุ้นที่ได้รับอานิสงส์เปิดเมืองในกลุ่มถัดไป เช่น ค้าปลีก MAKRO , CPALL , BJC , MAJOR ,VRANDA, SPA , S กลุ่มปิโตรเคมี หลังจากผลงานในช่วงไตรมาส 4/65 ชะลอตัวจากผลกระทบการปิดเมืองของจีน ซึ่งปีนี้คาดว่าผลงานจะกลับมาฟื้นได้ตามสถานการณ์จีนเปิดเมือง แนะนำ PTTGC
รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจากกลุ่มูกค้ามีโอกาสชำระหนี้ได้มากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทั้ SAWAD ,MTC , TIDLOR และ AMANAH
ทิสโก้ ชี้ สถิติ ก.พ.หุ้นผลตอบแทนดี รับปัจจัยหนุนเลือกตั้ง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนก.พ. มองว่า ยังดีต่อเนื่อง และยังมีโอกาสที่จะทะลุ 1,700 จุดได้ สำหรับหุ้นในเดือน ก.พ. ประเมินแนวรับที่ 1,660-1,670 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,700 จุด ซึ่งหากผ่านแนวต้านแรกได้ ระยะถัดไปมองที่ 1,720 จุด
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเลือกตั้ง และแรงซื้อจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รวมถึงผลตอบแทนจากเงินปันผล ซึ่งหากดูสถิติย้อนหลังจะพบว่า หุ้นในเดือนก.พ.มักจะเป็นหุ้นให้ผลตอบแทนดี รวมถึงตลาดมักจะปรับตัวขึ้นด้วย
ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือ ตัวเลขเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะภาพของการส่งออกเป็นสำคัญ ที่ยังต้องติดตาม ขณะที่การประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในเดือนนี้ มองว่า มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงได้ แต่อาจไม่ได้กระทบต่อตลาดมากนัก แต่จะเป็นการจำกัดอัพไซต์ของตลาดมากกว่า
สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนยังเป็นหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดี และปันผลดี เช่น AP , BBL , PRM , MAKRO , GLOBAL เป็นต้น