บรรดากูรูหุ้นที่มองโลกสวยต้องปรับมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นปี 2566 กันใหม่ หลังจากบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 อันน่าผิดหวัง
ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายแห่ง ทรุดฮวบลงเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จนต้องปรับลดประมาณการราคาเป้าหมายหุ้น และปรับคำแนะนำลงทุน จากเคยแนะนำให้ถือ เปลี่ยนเป็นแนะให้ขาย โดยเฉพาะหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC
บริษัทจดทะเบียนกำลังทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 เริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารขนาดใหญ่ ผลกำไรหดตัวอย่างน่าตกใจ เช่น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ที่กำไรลดลง 68% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
และบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่กำไรหดลง 30% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
KBANK ต้องตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมากขึ้น เป็นการเตรียมรับมือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่อาจเกิดปัญหากลายเป็นหนี้เสีย
ส่วน SCC ลดฮวบลง 98% เพราะผลกระทบเศรษฐกิจซบเซา
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ย่ำแย่ลง สอดคล้องกับตัวเลขการส่งออกที่ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แล้ว โดยตัวเลขการส่งออกเดือนธันวาคม 2565 มีจำนวน 21,718.80 ล้านดอลลาร์ หดตัวลง 14.6% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
เช่นเดียวกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวที่ส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯ กำลังย่างเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยยังประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1.50% ในการประชุมนัดแรกของปี 2566 และคาดว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ขึ้นครั้งละ 0.25% เป็น 2% เพื่อสกัดเงินเฟ้อและป้องกันเงินทุนไหลออก
แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่บ้าง เพราะเมื่อผลตอบแทนจากเงินฝากสูงขึ้น อาจทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินกลับมาหาผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ
แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อยู่ระหว่างเฝ้าระวังคือ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งสัญญาณมาแล้วจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ลดความร้อนแรงลง และตอกย้ำด้วยการส่งออกของไทยที่หดตัว รวมทั้งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ย่ำแย่
บริษัทโบรกเกอร์ที่มีมุมมองในเชิงอนุรักษ์ และให้น้ำหนักกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไม่ได้มองแนวโน้มตลาดหุ้นปีนี้สดใสนัก โดยประเมินว่า ดัชนีอาจขยับขึ้นไปได้แถวระดับ 1,750-1,760 จุดเท่านั้น ขณะที่ค่าเฉลี่ยประมาณการเป้าหมายดัชนีปีนี้ของโบรกเกอร์ส่วนใหญ่อยู่ที่ 1,741 จุด
อย่างไรก็ตาม มีโบรกเกอร์ทั้งในและต่างประเทศหลายสำนักมีมุมมองโลกสวย สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2566 โดยประมาณการว่า ดัชนีจะทะลุ 1,800 จุด
และโบรกเกอร์บางแห่งมองไปไกลถึง 1,870 จุด ซึ่งถ้าไปถึงจะกลายเป็นสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นไทย
การทำนายทิศทางตลาดหุ้นไทยปีนี้มีมุมมองที่แตกต่างกันมาก ระหว่างโบรกเกอร์กลุ่มอนุรักษ์ กับโบรกเกอร์กลุ่มมองโลกสวย
โบรกเกอร์กลุ่มอนุรักษ์กังวลผลกระทบเศรษฐกิจถดถอย ส่วนโบรกเกอร์กลุ่มมองโลกสวย เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกระเตื้อง โดยได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
และมั่นใจว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต รวมทั้งนักลงทุนต่างชาติจะกลับมาไล่ซื้อหุ้นต่อเนื่องจากปี 2565 และเป็นกองหนุนขับเคลื่อนดัชนีเดินหน้าต่อ
โจทย์ใหญ่การลงทุนปีกระต่าย นักลงทุนต้องตีบทให้แตก โดยชั่งน้ำหนักว่าจะเชื่อกูรูหุ้นฝ่ายไหน จะฟังกูรูฝ่ายอนุรักษ์ โดยลงทุนอย่างระมัดระวังตัว หรือเทใจไปฝั่งกูรูมองโลกสวย และไล่เก็บตุนหุ้น
รอขายทำกำไรเมื่อดัชนีทะลุ 1,800 จุด
แนวโน้มตลาดหุ้นปี 2566 มีความเป็นไปได้ในทุกมุมมอง หุ้นอาจผันผวน หรือวิ่งกระฉูด พุ่งทะยานผ่าน 1,800 จุดก็ได้
ปีนี้โอกาสรวยจากตลาดหุ้นมีพอๆ กับ “จน” จากหุ้น ถ้าคาดการณ์พลาดและวางกลยุทธ์ผิด