"ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค" ลงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ Beijing Globe Super Power New Energy Technology Development Co.,Ltd. (BJGSP) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตระบบอุปกรณ์กักเก็บพลังงานชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีจากจีน เฟสแรกศึกษาโครงการนำเข้าลิเธียมแบตเตอรี่ประเภทโซลิดสเตต (Solid-state battery) ตอบโจทย์ยุทธ์ศาสตร์แผนขยายธุรกิจของ BIOTEC มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน และดำเนินควบคู่กับธุรกิจเดิม
นายรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC ซึ่งผู้ดำเนินธุรกิจ Holding Company โดยการลงทุนผ่านบริษัทย่อยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ธุรกิจพาณิชยนาวี ธุรกิจน้ำมันปาล์มซึ่งผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าสยายปีกต่อยอดธุรกิจสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนในอนาคต พร้อมประกาศการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนประเภท Solar และ Batter Energy Storage โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจาก Beijing Globe Super Power New Energy Technology Development Co.,Ltd. (BJGSP)
โดยได้ร่วมลงนามความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อศึกษาการลงทุนในโครงการพัฒนาและนำเข้าลิเธียมแบตเตอรี่ ประเภทโซลิดสเตต (Solid-state battery) เพื่อเป็นระบบอุปกรณ์กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์สำหรับการใช้งานในภาคครัวเรือน หรือบ้านพักอาศัยในเฟส 1 และในอนาคต BIOTEC และ BJGSP คาดว่าจะได้ร่วมกันศึกษาในเฟส 2 ในความร่วมมือก่อสร้างโรงงานประกอบชิ้นส่วน Battery Energy Storage (Solid-state battery) ในประเทศไทย โดยจะเป็นการร่วมทุนระหว่าง BIOTEC กับ BJGSP โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจาก BJGSP ราคาไม่แพง แข่งขันได้ในตลาดโลก และสามารถกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ได้ในปริมาณสูง
สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความร่วมมือในการศึกษาโครงการร่วมกันระหว่าง BIOTEC และ BJGSP รวมถึงการร่วมกันพัฒนาแผนธุรกิจ โดยทาง BJGSP จะเป็นผู้พัฒนาและผลิตลิเธียมแบตเตอรี่ประเภทโซลิดสเตตในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วน BIOTEC จะเป็นผู้นำเข้า จัดจำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ โดยคาดว่าในเร็วๆ นี้ทาง BIOTEC จะมีการเซ็นสัญญากับพันธมิตรอีก 2 บริษัท เพื่อดำเนินการในด้านการติดตั้งระบบพลังงานจากแสงอาทิตย์ และซอฟต์แวร์ขั้นสูง ซึ่งจะสามารถให้บริการแก่ภาคครัวเรือน หรือบ้านพักอาศัยทั่วประเทศอย่างครบวงจร
“การร่วมมือในครั้งนี้ยังเป็นการต่อยอดธุรกิจใหม่ นอกเหนือจากการเป็นตัวแทนการจำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ประเภทแบตเตอรี่เพื่อใช้ในการกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์แล้ว ยังเพิ่มโอกาสการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต เนื่องจากแนวโน้มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะตอบโจทย์ความต้องการในการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือน หรือบ้านพักอาศัย จากอัตราการคิดค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ต่ำกว่าของภาครัฐ และราคาการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีการพัฒนาอุปกรณ์กักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น”
นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไบโอกรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในปัจจุบันพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์ที่นำมาใช้ผลิตไฟฟ้านั้นยังคงมีข้อจำกัด เนื่องด้วยความไม่เสถียรของแหล่งพลังงานที่อาจทำให้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ และเกิดการขาดสมดุลระหว่างการใช้และการผลิต ดังนั้น ระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการพัฒนาให้สามารถกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ในปริมาณสูง และราคาอุปกรณ์ตลอดถึงการติดตั้งจะต้องต่ำลงเช่นกัน เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานสำรองไว้กลับมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าในเวลาที่จำเป็น โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน เพื่อการบริหารจัดการการผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาด และตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐในการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ดังนั้น BIOTEC ได้เล็งเห็นว่าการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาด แสดงให้เห็นถึงความตระหนักของกลุ่มบริษัทในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด แทนการพึ่งพิงกระบวนการผลิตแบบเดิมจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้ช่วยลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการลดภาระค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านพักอาศัยให้มีราคาต่ำลง และสนับสนุนเป้าหมายบริษัทในการเติบโตและพัฒนาสู่ความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ต่อไปที่บริษัทจะใช้ในการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท โดยมุ่งเน้นไปในการขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมใหม่ โดยเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบในอุตสาหกรรมไบโอดีเซล รวมถึงลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแทรกแซงของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคต