"พฤกษา" มองจีนมาปลุกท่องเที่ยวและธุรกิจบริการโต หนุนฐานรากคนทำงานมีรายได้ เพิ่มโอกาสซื้อที่อยู่อาศัย ประเมินปี 66-67 โอกาสของตลาดคอนโดฯ
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยถึงเรื่องสินค้าล้นตลาดของคอนโดมิเนียมนั้นว่า หลายปีที่ผ่านมา ดีเวลลอปเปอร์หลายบริษัทหยุดการพัฒนาโครงการแนวสูงออกสู่ตลาด ทำให้สต๊อกในตลาดถูกดูดซับออกไปค่อนข้างเยอะ ทำให้หลายคนประเมินว่า ในปี 2566-2567 เป็นโอกาสที่คอนโดมิเนียมจะกลับมาเติบโตอีกครั้งนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ดังนั้น เมื่อเรามาถ่วงน้ำหนักแล้วจะเห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้หดตัว ยังไปได้อยู่ แต่อาจจะไม่โตแรงเท่ากับปี 2565
"คนจีนที่กลับมานั้นเขาอาจจะมาซื้อบ้านก็เป็นไปได้ แต่ที่ผมวิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้ จีนมา ทำให้ภาคบริการต่างๆ ดีขึ้น ทำให้รายได้ของรากฐานของคนทำงานปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา จีนเป็นอันดับหนึ่งในการซื้อคอนโดฯ การที่ผู้ซื้อจากจีนสามารถบินมาได้น่าจะทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมมียอดขายและโอนกรรมสิทธิ์มากยิ่งขึ้น แต่หากมามองโมเดลของพฤกษา ต้องเข้าใจว่า “รากฐานของพฤกษา” ไม่ได้สร้างมาเพื่อหวังจะไปขายคนจีน สิ่งที่เราทำทั้งหมดต้องการให้ทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและระดับปานกลาง ยังคงเป็นเป้าหมายของพฤกษาอยู่ นั่นคือวัตถุประสงค์การทำธุรกิจของพฤกษาในวันนี้"
นายอุเทน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงการว่า สต๊อกในช่วงที่ผ่านมาถูกดูดซับออกไปจำนวนมาก ทำให้พฤกษาเติมสต๊อกเข้ามา ซึ่งในวันนี้ พฤกษามีที่ดินรอการพัฒนา (แลนด์แบงก์) เกือบตามถนนใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ จำนวนมาก เพราะเรามีการพัฒนาโครงการประมาณ 140-150 โครงการ และเราได้คาดการณ์ว่า ในปี 66-67 บางทำเลสต๊อกของโครงการจะมีน้อยลง จะมีการค่อยๆ เข้าไปเสริม
"ที่ดินบางแปลงที่ซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้ศักยภาพของที่ดินแปลงนั้นเปลี่ยน ตรงไหนที่เราเห็นว่าไม่เหมาะสม เสี่ยงโอเวอร์ซัปพลายจะขายที่ดินออก เช่น ทำเลกลางเมือง เพลินจิต ทองหล่อ เส้นนี้เราไม่คิดว่าเราจะเพิ่มที่ดิน แต่เราจะขาย ทำเลไหนขาดจะเร่งซื้อที่ดินเพื่อรองรับทั้งกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯ ตอนนี้พฤกษามีมูลค่าโครงการที่ยัง Active ประมาณ 50,000 ล้านบาท มีที่ดินเพียงพอรอนำออกมาพัฒนาโครงการในระดับมูลค่า 40,000-50,000 ล้านบาทได้ แต่ถ้าเป็นมูลค่าที่ดินตามงบการเงินมีประมาณ 10,000 ล้านบาท สามารถให้พฤกษาพัฒนาโครงการได้ต่อเนื่องไปถึง 3-4 ปี ทั้งนี้ มูลค่าโครงการ 50,000 ล้านบาท เป็นส่วนคอนโดฯ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ มูลค่าประมาณ 12,000-14,000 ล้านบาท คาดจะรับรู้ได้หมดในปี 66 ที่เหลือจะเป็นโครงการแนวราบ และที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการที่เราพัฒนาใหม่เกือบร้อยละ 90 จะอยู่ในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากมีศักยภาพสูงมาก ส่วนโครงการต่างจังหวัดจะให้น้ำหนักน้อยลงเพราะต้องรอเวลาอีกระยะหนึ่ง" นายอุเทน กล่าว