งง! “บิทคับ บล็อคเชน” ตีมึนไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2564 ล่วงเลยมากว่า 1 ปีครึ่ง ทั้งที่เป็นปีสำคัญจากการออกเหรียญดิจิทัล “KUB” ของกลุ่ม มูลค่ากว่า 3.3 พันล้านบาท แม้จะเผาเหรียญทิ้ง แถมตีเนียนผ่านเอกสารอ้างจัดส่งงบการเงินเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันพบพิรุธรับเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนบริษัทเพียง 2 ล้านบาทจาก 3 ล้านบาท อีกทั้งเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นดึง “ท๊อป จิรายุส” เข้ามาเสียบแทนผู้อื่น ร้อง ก.ล.ต.เข้าตรวจสอบ
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจเป็นกลุ่มที่ปรึกษาด้านไอซีโอ และเป็นผู้พัฒนาเครือข่ายบิทคับเชน ซึ่งบริษัทในกลุ่มของ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ กลุ่มบริษัท Bitkub ยังไม่ยื่นส่งบัญชีงบดุลประจำปี 2564 เพื่อชี้แจงตัวเลขทางการเงินในรอบบัญชีดังกล่าวให้แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
โดยในปี 2564 นั้นมีเหตุการณ์สำคัญของบริษัทและกลุ่ม Bitkub นั่นคือ “บิทคับ บล็อคเชน” ได้ออกเหรียญดิจิทัลของกลุ่มในชื่อ “KUB” จำนวน 1 พันล้านเหรียญ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2564 ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าการออกเหรียญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวน่าจะมีผลต่อผลประกอบการและบัญชีงบดุลของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แต่จนแล้วจนรอดปัจจุบันผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี 6 เดือน (ม.ค.2566) “บิทคับ บล็อคเชน” ยังไม่มีการยื่นส่งข้อมูลเหล่านี้
ขณะที่บริษัทแม่อย่าง บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ประกอบการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งบัญชีงบดุลปี 2564 เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกหนังสือรับรองเลขที่ 10091220002243 ให้แก่ “บิทคับ บล็อคเชน” โดยระบุข้อควรทราบ ประกอบหนังสือรับรอง ฉบับดังกล่าวว่า ข้อ 1.นิติบุคคลนี้ (บิทคับ บล็อคเชน) ขาดส่งงบการเงินปี 2564 ข้อ 2. หนังสือนี้รับรองเฉพาะข้อความที่ห้าง/บริษัท ได้นำมาจดทะเบียนไว้เพื่อผลทางกฎหมายเท่านั้น ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ควรหาไว้พิจารณาฐานะ และข้อ 3. นายทะเบียนอาจเพิกถอนการจดทะเบียน ถ้าปรากฏว่าข้อความอันเป็นสาระสำคัญที่จดทะเบียนไม่ถูกต้อง หรือเป็นเท็จ
จากข้อความในหนังสือรับรองดังกล่าวทำให้ยิ่งมีข้อชวนสงสัยเพิ่มขึ้นหลายประการ เริ่มตั้งแต่ ใบสำคัญชำระเงินค่าหุ้น/เงินลงทุนหุ้นของ “บิทคับ บล็อคเชน” เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2561 ซึ่งในช่วงเวลานั้น “บิทคับ บล็อคเชน” มีแผนเพิ่มทุนของบริษัทจาก 5 ล้านบาทเป็น 8 ล้านบาท แต่ในวันเวลาดังกล่าวผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง “บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” กลับมีการชำระค่าหุ้นเพียง 2,001,000 บาท เพื่อเป็นค่าหุ้นจำนวน 300,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท โดยมีนายสกลกรย์ สระกวี เป็นกรรมการลงนามรับเงิน ทำให้สงสัยว่า “บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ชำระเงินเพิ่มทุน “บิทคับ บล็อคเชน” ครบหรือไม่?
ไม่เพียงเท่านี้ ในปีเดียวกัน “บิทคับ บล็อคเชน” ยังส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ที่ชวนสงสัย เริ่มจาก วันที่ 6 ก.ค. 2561 บริษัทอ้างอิงว่าคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2561 และอีกวันถัดมา (7 ก.ค. 61) บริษัทมีการนำส่ง บอจ.5 อีกฉบับ โดยอ้างอิงจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันเดียวกัน (25 มิ.ย.61) แต่ปรากฏว่ารายชื่อของนายทินกร คงสมเพ็ชร ที่ถือหุ้น 1 หุ้น เปลี่ยนไปเป็น นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เข้ามาถือหุ้นแทน ขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2561 โดยกรณีดังกล่าวหลายฝ่ายมองว่าหากต้องการให้ “จิรายุส” เป็นผู้ถือหุ้นใน “บิทคับ บล็อคเชน” ก็สามารถทำได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2561 แต่ชื่อของนายจิรายุสต้องมาจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นจริง ดังนั้นหากบริษัทจัดทำผิด หรือไม่จัดทำ ถือว่ามีความผิดและโทษปรับด้วยเช่นกัน ประมาณ 20,000 บาท และ 50,000 บาทตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ช่วยชี้ชัดว่า “บิทคับ บล็อคเชน” มีความผิดในเรื่องการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2564 นั่นมาจากเอกสารการส่ง บอจ.5 ของบริษัทเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2565 โดยเอกสารดังกล่าวมีเลขที่รับ 650510149308SH ซึ่งบริษัทระบุในเอกสารว่าขอส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2565 และอนุมัติงบการเงินรอบปีบัญชี 31 ธ.ค.2564
ทั้งที่ ข้อมูลงบการเงินในปี 2564 ของ “บิทคับ บล็อคเชน” ยังไม่เคยยื่นถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาเป็นเวลากว่า 1 ปี 6 เดือนหรือจนถึงปัจจุบันนี้ และทำให้หลายฝ่ายมองว่า “กลุ่มบิทคับ” ให้ข้อมูลเท็จ เพราะยังไม่ได้อนุมัติงบการเงิน หรือถ้าอนุมัติจริงทำไมไม่ยื่นตามกฎหมาย อีกทั้งหลายฝ่ายต้องการรู้ว่าใครจะเป็นผู้สอบในเรื่องดังกล่าว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของกรรมการในช่วงระหว่างทาง
“จากเอกสารแสดงว่า ผู้สอบบัญชีได้สอบบัญชีข้อมูลงบการเงินในปี 2564 ของ “บิทคับ บล็อคเชน” แล้วและได้ส่งให้กรรมการและผู้ถือหุ้นอนุมัติตามกฎหมาย แต่ทำไม?บริษัทไม่ยื่นงบฯปี 2564 ด้วย นั่นทำให้หลายคนอยากรู้ว่าใครเป็นผู้สอบบัญชีให้ “บิทคับ บล็อคเชน” ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ KUB ให้กลุ่มบิทคับ เพราะแม้จะมีการเผาเหรียญทิ้ง แต่จำนวนเงินจากการจำหน่ายเหรียญในวันแรกสูงถึง 3.3 พันล้านบาท จากราคาแรกเริ่มที่ระดับ 30 บาทต่อเหรียญ ของจำนวนเหรียญหลังการเผาทิ้งอยู่ที่ 110 ล้านเหรียญ”
ไม่เพียงเท่านี้พอ “บิทคับ บล็อคเชน” ได้เงินจากประชาชนเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2564 ก็เปลี่ยนกรรมการจากนายสกลกรย์ สระกวี เป็นนายภาสกร ปานนอก เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2564 หลังจากที่ได้เงินจากประชาชนไป 4 เดือน แถมถัดมามีการเพิ่มกรรมการอีก 1 ราย คือนายธนเสฏฐ์ เสนีวงศ์ แต่เมื่อครบกำหนดต้องยื่นงบการเงิน กรรมการของบริษัทก็ยังไม่ยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
“บริษัทที่สร้างเทคโนโลยี บล็อคเชน ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ “ท๊อป จิรายุส” เคยบอกว่าเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนโลกให้โปร่งใสได้ แต่กลับปล่อยให้เกิดความไม่โปร่งใสแบบนี้ได้อย่างไร นอกนี้กลุ่มบริษัทเอาเงินที่ได้จากการจำหน่ายเหรียญ KUB ไปทำอะไร และสำนักงาน ก.ล.ต. จะเข้ามาตรวจและทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการที่บิทคับ นำเหรียญ KUB ออกมาขาย บริษัทได้เงินไปดำเนินการโครงการต่างๆ ดังนั้นจึงควรสะท้อนออกมาในงบการเงิน ซึ่งมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบ”
ส่วนกรณีบริษัทไม่ทำบัญชีงบดุล ไม่จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบงบดุล ไม่นำบัญชีงบดุลเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ รวมถึงไม่ส่งสำเนางบดุลให้ผู้ถือหุ้น คาดว่าผู้กระทำผิดจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ขณะเดียวกันกรณีกรรมการไม่ส่งสำเนางบดุลไปยังนายทะเบียน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และหากบริษัทไม่ส่งงบการเงิน อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจจะดำเนินการเปรียบเทียบปรับได้และเมื่อชำระค่าปรับแล้ว คดีดังกล่าวถือดีเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ควรขอให้ “บิทคับ ออนไลน์” ผู้รับใบอนุญาต (Exchange) ชี้แจงเรื่องความน่าเชื่อถือของ บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี ที่ไม่อาจส่งงบการเงินปี 2564 ได้ แล้วจะส่งผลอย่างไรต่อความน่าเชื่อถือของโครงการ
ปัจจุบัน “บิทคับ บล็อคเชน” ในฐานะผู้พัฒนาระบบบล็อกเชน Bitkub Chain และเหรียญ Bitkub Coin (KUB) มีนายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร , นายอธิชนัน พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และ นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี โดยจดทะเบียน 28 ก.พ. 61 ทุนจดทะเบียน 778,000,000 บาท
โดย นายภาสกร ปานนอก , นายธนเสฏฐ์ เสนีวงศ์ กรรมการลงชื่อผูกพัน นายภาสกร ปานนอก ลงลายมือชื่อ และประทับตราสำคัญของบริษัท ล่าสุดปี 2563 สินทรัพย์รวม 12,600,396 บาท หนี้สินรวม 4,384,063 บาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 8,216,333 บาท รายได้รวม 14,699,243 บาท กำไรสุทธิ 2,265,968 บาท