ตามรายงานจาก Forexsuggest.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนและการศึกษาในต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในลักเซมเบิร์ก ระบุว่า Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างมลพิษมากที่สุดในโลกในปี 2022 หลังจากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เกือบหนึ่งตันต่อการทำธุรกรรม หลังจากที่ก่อนหน้านี้มลพิษลดลงในปี 2021
จากการเปิดเผยของ forkast อ้างอิงจากปริมาณแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศปี 2565 ระบุว่าเครือข่าย Bitcoin ทั้งหมดปล่อย CO2 ประมาณ 86.3 ล้านตันในปี 2565 ซึ่งหากเปรียบเทียบปริมาณต้องใช้ต้นไม้ประมาณ 431.6 ล้านต้น เพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ จากกระบวนการขุดเหมืองคริปโตที่ปล่อย Bitcoin ออกมาในรอบประจำปี
ขณะที่ในรายงานไม่ได้ระบุถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการเหมือง Bitcoin ที่เปลี่ยนไปสู่แหล่งพลังงานที่ยั่งยืน โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ซึ่งกล่าวว่าการผสมผสานพลังงานที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ 59.4% ซึ่งคิดเป็นการปรับปรุงประมาณ 3% จากปีก่อนหน้าตามรายงานของสภาการขุด Bitcoin
ทั้งนี้การขุด Bitcoin หรือกลไกฉันทามติ Proof-of-Work (PoW) ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับเครือข่ายมาอย่างยาวนาน เนื่องจากข้อกำหนดด้านพลังงานที่สิ้นเปลือง โดยก่อนหน้านี้ Ethereum ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบล็อกเชนการขุดเหมืองคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ได้เปลี่ยนผ่านเป็นกลไกฉันทามติ Proof-of-stake (PoS) เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เพื่อลดการใช้พลังงานของเครือข่ายลง ซึ่งระบุว่าการปรับเปลี่ยนดังกล่าวนั้น สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 99.95% ซึ่งแตกต่างจาก PoW ซึ่งนักขุดใช้พลังการคำนวณเพื่อแข่งขันและตรวจสอบธุรกรรม PoS อาศัยผู้ถือโทเค็นเพื่อล็อคเหรียญจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นหลักประกันในการตรวจสอบการทำธุรกรรมเพื่อแลกกับรางวัล
นอกจากนี้ ตามข้อมูลจาก Forex Suggest เปิดเผยว่าจากจำนวน 10 สกุลเหรียญดิจิทัลในมูลค่าตามราคาตลาด ระบุว่า XRP ใช้พลังงานน้อยที่สุดต่อการทำธุรกรรมเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่เครือข่าย Polygon ลงทะเบียนการปล่อย CO2 สูงสุดเป็นอันดับ 2 ต่อธุรกรรม ขณะที่ Litecoin ซึ่งทำงานบนกลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Work (PoW) ในฐานะที่แยกออกมาจาก Bitcoin Blockchain เป็นผู้ก่อมลพิษที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของปีที่แล้ว โดยผลิต CO2 ประมาณ 525,400 ตัน ขณะที่ Bitcoin Cash ซึ่งเป็นอีก Bitcoin Fork อยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยปริมาณการปล่อย CO2 ออกมากว่า 141,400 ตัน