หุ้นไทยปิด +0.29 จุด โบรกฯ เผยตลาดยังคงคาดหวังโอกาสธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลังประธานเฟดเตรียมขึ้นกล่าวในงานเสวนาที่กรุงสตอกโฮล์ม และอาจมีนัยยะสำคัญต่อสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในอนาคต ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,695-1,700 จุด และแนวรับที่ 1,680-1,685 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 10 ม.ค.2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.29 จุด หรือ +0.02% โดยปิดทำการซื้อขายที่ 1,691.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 80,560.62 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ก่อนพลิกกลับมาและปิดในแดนบวกได้เล็กน้อย โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,695.53 จุด ขณะเดียวกันในทิศทางกลับกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,684.90 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 682 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 509 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 854 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +4,299.15 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า+575.74 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -2,255.13 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -2,619.76 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 3,497.36 ล้านบาท ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,127.32 ล้านบาท ปิดที่ 832.00 บาท ลดลง 10.00 บาท
3.IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,811.47 ล้านบาท ปิดที่ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,808.86 ล้านบาท ปิดที่ 71.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
5.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,737.81 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 358.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 1.70%
2.FORTH ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท หรือ 10.00%
3.PTTGC ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 5.79%
4.IVL ปิดที่ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 7.14%
5.KCE ปิดที่ 50.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.56%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 832.00 บาท ลดลง 10.00 บาท หรือ 1.19 %
2.CPALL ปิดที่ 71.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 2.74%
3.INTUCH (XD) ปิดที่ 76.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.94%
4.CRC ปิดที่ 44.75 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 3.24%
5.CBG ปิดที่ 102.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.44%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,285.87 จุด ลดลง -0.69 จุด หรือ -0.03% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,017.02 จุด ลดลง -0.94 จุด หรือ -0.09% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 584.33 จุด ลดลง -1.52 จุด หรือ -0.26%
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบก่อนปิดบวกได้เล็กน้อย จากแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี แบงก์ และพลังงานต้นน้ำ สลับแรงขายกลุ่มค้าปลีก-กลุ่มไฟแนนซ์ที่วานนี้ขึ้นมาแรง ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับลง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีอัพไซด์จำกัดมากขึ้นหลังเข้าใกล้ 1,700 จุด ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา และรับปัจจัยบวกต่างๆ ไปค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมาทั้งจีนเปิดประเทศ และความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสชะลอขึ้นดอกเบี้ย
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้คาดแกว่งไซด์เวย์รอติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนวันพฤหัสบดีนี้ และคืนนี้ติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานเสวนาที่กรุงสตอกโฮล์มจะส่งสัญญาณสำคัญเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ อย่างไร โดยประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,695-1,700 จุด แนวรับ 1,680-1,685 จุด