xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแผน 3 ปี เน้นทุกคนเข้าถึง ดึงอุตสาหกรรมใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหลักทรัพย์ฯ กางแผน 3 ปี (2566-2568) ขยายการเติบโตพร้อมกันทั้งธุรกิจ อุตสาหกรรมตลาดทุน สังคม และประเทศ สร้างโอกาสมากขึ้น มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกลาง เชื่อมระบบนิเวศการลงทุนในตลาดทุนปัจจุบันกับอนาคต เน้นให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ประกอบการและผู้ลงทุน ครอบคลุมตั้งแต่เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับภาคธุรกิจทุกขนาด และเดินหน้าเชิงรุกดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ (new economy) รวมทั้งสนับสนุนการระดมทุนผ่านการออกโทเคนดิจิทัล และออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้เงินลงทุน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทั้งเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค ความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน และความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโลกจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่ง 3 ปีข้างหน้านี้ (2566-2568) ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมุ่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย ควบคู่กับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เพื่อให้ตลาดทุนเป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ตามวิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” ผ่านกลยุทธ์ 4 ด้าน ดังนี้

ด้านแรกทำตลาดทุนให้เป็นเรื่องง่าย เพิ่มโอกาสการระดมทุน โดยมุ่งส่งเสริมให้ธุรกิจทุกขนาดทั้งเล็ก กลาง ใหญ่เข้ามาใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่พัฒนาเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัป ต่อยอดจาก LiVE Academy และ LiVE Platform และจะพัฒนาศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (Thai Digital Assets Exchange: TDX) เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายโทเคนดิจิทัล ในไตรมาส 3 นี้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาแพลตฟอร์มของ Settrade เพื่อเป็น “Capital Market Super App” ในการเชื่อมต่อโอกาสการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านที่สอง ยกระดับมาตรฐานเพื่ออุตสาหกรรม พัฒนาระบบซื้อขายใหม่ภายในไตรมาส 1/2566 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบนิเวศการลงทุน และรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่

ขณะด้านที่สาม ร่วมสร้างโอกาสเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด พัฒนาการเผยแพร่ข้อมูลผ่าน SMART Marketplace เพิ่มข้อมูลและฟังก์ชันที่ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน รวมทั้งต่อยอดงานวิจัยแบบ Thematic และ Issue-based เพื่อให้นำไปใช้ได้จริงในการพัฒนาตลาดทุนด้านต่างๆ มากขึ้น โดยเริ่มเผยแพร่ข้อมูลไตรมาส 2 นี้ พร้อมพัฒนาการจัดทำ ESG Ratings เพื่อสนับสนุนการออกสินค้า ESG-Linked

สุดท้ายคือ ยึดหลักความยั่งยืนเป็นแกนขับเคลื่อนการทำงาน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้นำมิติด้าน ESG ขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้งกระบวนการภายในและภายนอกองค์กรโดยทำงานร่วมกับพันธมิตร ด้วยการพัฒนาด้าน E หรือ Environmental พัฒนาบุคลากรด้าน ESG ในตลาดทุนและสถาบันการศึกษา รวมทั้งส่งเสริมให้มี ESG Champion ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมผ่าน ESG Academy และพัฒนา Climate Care Platform ให้ครอบคลุมฟังก์ชันการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero

โดยด้าน S หรือ Social ส่งเสริมความรู้ทางการเงินแก่วัยเกษียณและกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จัดให้มีการวัดระดับความรู้ทางการเงินของคนไทยเพื่อพัฒนาเนื้อหาและช่องทางที่ตอบโจทย์ พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการมุ่งเน้นธุรกิจครอบครัวผ่าน LiVE Platform และ G หรือ Governance เร่งปรับปรุงกฎเกณฑ์การกำกับดูแลให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พัฒนาเครื่องมือการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพให้สามารถรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

"หวังว่าการดำเนินกลยุทธ์ 4 ด้านดังกล่าวจะมีส่วนในการสร้างโอกาสที่มากกว่าสำหรับผู้เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ ทั้งเป็นการขยายโอกาสการระดมทุนและการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการและผู้ลงทุน ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดทุน และดูแลสังคม ควบคู่กับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตที่สมดุล และยั่งยืน" นายภากรกล่าว

ขณะปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยเชื่อมโยงทุกภาคส่วน เห็นได้จากการที่มีหุ้น IPO มูลค่าเสนอขายที่ 127,836 ล้านบาท สูงสุดในอาเซียนและเป็นอันดับ 4 ในเอเชีย และ SET มีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 โดยปี 2565 มีมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ย 76,773 ล้านบาทต่อวัน ส่วน TFEX มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 565,627 สัญญาต่อวัน (อันดับ 2 ในอาเซียน ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ ณ เดือน พ.ย.2565)

นอกจากนี้ ยังมีการออก 2 ผลิตภัณฑ์ DRx คือ AAPL80X ซึ่งอ้างอิงหลักทรัพย์ บริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ และ TSLA80X ซึ่งอ้างอิงหลักทรัพย์ บริษัท เทสล่า อิงค์ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายโอกาสในการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนจำนวนน้อยให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะรายเล็กและยังเพิ่มโอกาสในการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศ

ที่สำคัญคือมีหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใน LiVE Exchange (LiVEx) คือ บมจ.แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส (AWS22) บมจ.สิทรอน เพาเวอร์ (SITRON22) และ บมจ.สตอเรจ เอเชีย (ISTORE22)

โดย SET ได้จัดทำแนวทางปรับปรุงกระบวนการและกลไกการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งการพิจารณาลูกค้า พัฒนาศูนย์ข้อมูลลูกค้า รวมถึงการรับหลักทรัพย์ กฎเกณฑ์การซื้อขาย ตรวจสอบข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการดำเนินงานให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พัฒนานวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนไว้วางใจ อย่าง TDX ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ และมีระบบพร้อมให้บริการ ปัจจุบันมีความร่วมมือกับพันธมิตรซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ICO Portal 3 ราย FundConnext มีธุรกรรมซื้อขายกองทุนรวม 31,400 รายการต่อวัน และมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 11 ราย (selling agent และ บลจ. รวม 78 ราย คิดเป็น 73% ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม FinNet ครอบคลุมการชำระเงินตลาดหุ้น 25% ของทั้งอุตสาหกรรม และปัจจุบันได้เพิ่มบริการ Interbank, Intrabank, QR Code, Direct Debit Registration (DDR) ไปธุรกรรมอื่นๆ ในตลาดทุน เพื่อให้ครอบคลุมธุรกรรมกองทุน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงพัฒนา e-Meeting ระบบการจัดประชุมผู้ถือหุ้นแบบ end-to-end เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ (New normal) และ SMART Marketplace เพิ่มข้อมูล ESG และข้อมูล บจ. โดยให้บริการข้อมูลผ่าน API แก่ผู้ใช้งานกว่า 50 บริษัท และเดินหน้าขยายบริการต่อเนื่อง ตลอดจนการเปิดตัว ESG Data Platform ฐานข้อมูลด้าน ESG เชื่อมโยงความยั่งยืนจากบริษัทจดทะเบียน สู่ผู้ลงทุน และสังคม เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น