"แทนไท ณรงค์กูล" ไอดอลคริปโตสายอวดที่มักจะออกมาโชว์เหนือด้านการลงทุนคริปโต ด้วยการโชว์พอร์ตคริปโตหาแสงสปอร์ตไลฟ์ ซึ่งมักจะได้รับการยกย่องจากกลุ่มวัยรุ่นคริปโต จนถูกยกให้เป็นไอดอลสายซิ่งด้านการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีปริมาณมูลค่าเหรียญที่เคลื่อนไหวในบัญชีเทรดหลายล้านบาท โดยล่าสุด "แทนไท" ออกมาโพสต์ผ่าน Facebook ถึงกรณีที่กระดานเทรด Binance ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเบอร์ 1 ของโลก บังคับปิด Position Future เหรียญ GALA จนหมดทั้งพอร์ต โดยใน Binance จะมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน ซึ่งฟังก์ชั่นดังกล่าวมีอาจแตกต่างกันในแต่ละผู้ให้บริการในกระดานเทรด
โดยประเด็นหลักของการถูกบังคับปิด Position Future เหรียญ GALA นั้นมาจากการที่ Binance ได้ออกประกาศมาว่าจะทำการเพิกถอดเหรียญ GALA ออกจากกระดานเทรดฟิวเจอร์ coin-m ซึ่งจากการประกาศดังกล่าวนั้น จะนำไปสู่การทยอยบังคับปิด position ของนักลงทุนที่เปิดไว้ทั้งหมด ซึ่งในขั้นตอนการลงทุนคริปโต ได้มีการประกาศถึงความเสี่ยงในการลงทุนไว้แล้ว
"พอรู้ข่าว Gala ว่าจะถอด coin-m ออก ก็ตั้งใจว่าจะปิด order วันนี้โดดร่มก่อน แต่พอมาเปิดดู วันนี้วันที่ 23/12/2565 เริ่มตั้งแต่ 00.00 น. ระบบ Binance บังคับขายปิด order ของผมทั้งหมดไปแล้วทั้งๆที่ยังไม่ถึงจุด liqidation แล้วระบบฉลาดด้วย ไม่ได้ปิดทีเดียว ทยอยรินเทขายเอง ทีละนิด ทีละนิด เพื่อไม่ให้กระทบกับตลาดและกราฟ หมดกันความเชื่อมั่น Binance "🖕🏻" แทนไท กล่าวในโพสต์
ในขณะเดียวกันก็ผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งชื่อว่า “Egachai Saengo” ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“เมื่อ Binance ไม่สามารถ Liquidity จากราคาให้พอร์ตแตกได้ จากการเทรด Futures เนื่องจากผู้เทรดมีทุนที่สูง ทนลากและสู้ไปได้ทุกราคา การออกกฎที่ไว้ให้ตัวเองได้เปรียบจึงถูกนำไปใช้ ไม่ว่าการนำเหรียญออกจาก Exchange ตัวเอง ในประเภทต่างๆ ทำให้ผู้เทรดที่ติดค้างอยู่ในสัญญาเหล่านั้น ต้องถูกบังคับปิดไปโดยปริยาย หรือหนักกว่านั้น ไปปิดคู่เทรดในฟิวเจอร์เอง โดยอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ ทำให้เกิดความเสียหาย มันทำให้นึกถึงกรณี FTX ที่ไปทำให้พอร์ตรายใหญ่ๆที่มาเทรดใน Exchange ตัวเอง เกิดความเสียหายจาก Liq. เพื่อที่กระดานเทรดของตัวเอง จะเอาเงินส่วนนั้น มาอุดหลุมที่เน่าเสียของตัวเอง คือผู้เทรดมาร์จิ้นเขาสูง เทรดยังไงพอร์ตก็ไม่แตก แต่พอมีอะไรที่เข้ากฎของเขา ก็ #ปล้น เอาดื้อๆจากผู้เทรดแบบนี้ได้เลย อย่างว่าแหละ กระดานเทรดเหล่านี้ ไม่มีทางที่จะถูกออกแบบมาให้เสียเปรียบอยู่แล้ว อันดับหนึ่งของโลกก็ใช่ว่าปลอดภัย ระวังๆกันไว้”
อย่างไรก็ดีในส่วนของคำสั่งซื้อขายในลักษณะคล้ายอนุพันธ์ในตลาดหุ้น หรือ คริปโต Futures เป็นตลาดสำหรับการวางคำสั่งซื้อขายสัญญาล่วงหน้าซึ่งอ้างอิงกับราคาเหรียญคริปโตในตลาด ซึ่งปกติสัญญา Futures จะมีอยู่ 2 ประเภท ให้ทำการซื้อขาย ได้แก่
1. สัญญาประเภท Long สัญญาที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อราคาอ้างอิงของเหรียญสูงขึ้น แต่สัญญานี้จะมีมูลค่าลดลง หากราคาอ้างอิงของเหรียญลดลง
2. สัญญาประเภท Short สัญญาที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อราคาอ้างอิงของเหรียญลดลง แต่สัญญานี้จะมีมูลค่าลดลง หากราคาอ้างอิงของเหรียญเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ นักลงทุนเราสามารถทำกำไรได้จากราคาเหรียญคริปโตจากสภาพตลาดที่ผันผวนไม่ว่าจะขาขึ้น หรือขาลงก็ตาม ด้วยการซื้อสัญญาประเภท Short แต่หากประเมินการลงทุนคาดการณ์ผิด ราคาเหรียญวิ่งสวนทางกับประเภทสัญญา Futures ที่ที่ตั้งสัญญาซื้อไว้ก็มีโอกาสขาดทุนได้จนหมดเนื้อหมดตัวเช่นกัน ดังนั้นตลาดคริปโต Futures จึงกล่าวได้ว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงมาก นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถปรับค่า leverage ของสัญญาได้ เพื่อเร่งอัตราคูณของจำนวนสัญญาสำหรับการทำกำไร (หรือขาดทุน) ในสัญญาที่ทำการซื้อขาย นักเทรดมือใหม่ควรพิจารณาจำนวน leverage ที่ใช้อย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ดี iBit ขอย้ำเตือนให้นักลงทุน ตระหนักถึงความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีความผันผวนด้านราคาที่มีการปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรง ควรระมัดระวังอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุน ทั้งการเลือกกระดานเทรด และประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เลือกลงทุน ตลอดจนถึงความปลอดภัยในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนั้นๆ
