หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -0.81 จุด โบรกฯ ชี้หุ้นแก่วงแคบแม้มีแรงหนุนกลุ่มค้าปลีกเข้ามา หลัง ครม.เคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ก่อนสภาหมดวาระ ไม่ว่าจะเป็น เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5, ช้อปดีมีคืน, มาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ ช่วยหนุนตลาด แต่ยังมีหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามากดดันตลาด มองภาพการลงทุนพรุ่งนี้ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ต่อ ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 19 ธ.ค. 2565 ปรับตัวลดลง -0.81 จุด หรือ -0.05% โดยปิดตลาดที่ 1,618.20 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 44,499.02 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,624.34 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,613.94 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 452 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 581 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 967 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,397.62 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +132.48 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -807.02 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -723.07 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,404.60 ล้านบาท ปิดที่ 166.00 บาท ลดลง 6.50 บาท
2.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,784.88 ล้านบาท ปิดที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,463.47 ล้านบาท ปิดที่ 31.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,199.50 ล้านบาท ปิดที่ 684.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
5.ESSO มูลค่าการซื้อขาย 905.69 ล้านบาท ปิดที่ 11.90 บาท ลดลง 0.20 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SINGER ปิดที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 6.36%
2.DTAC ปิดที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 4.09%
3.CRC ปิดที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.86%
4.HANA ปิดที่ 52.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.96%
5.ADVANCปิดที่ 186.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.54%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 166.00 บาท ลดลง 6.50 บาท หรือ 3.77%
2.BH ปิดที่ 212.00บาท ลดลง 2.00บาท หรือ 0.93 %
3.AEONTSปิดที่ 170.50 บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 0.87%
4.TIPH ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.11%
5.SAWAD ปิดที่ 48.25 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.03%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,201.81 จุด ลดลง -2.12 จุด หรือ -0.10% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 979.42 จุด ลดลง -0.82 จุด หรือ -0.08% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 566.68 จุด ลดลง -4.35 จุด หรือ -0.76%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยมีแรงหนุนเก็งกำไรหุ้นกลุ่มค้าปลีกจากความคาดหวังต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ทั้ง เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5, ช้อปดีมีคืน, มาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ ขณะที่กลุ่มกดดันตลาด คือ กลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงมา หลังจากกลับมากังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนเพิ่มสูงกระทบดีมานด์น้ำมันและปิโตรเคมี ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ถูกลดความคาดหวังลงไป โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบยังปรับฐานไม่จบ รวมถึงหุ้น PTT-OR ก็มีปัจจัยเฉพาะตัว หลังกองทุน Pension Fund ของรัฐบาลนอร์เวย์มีนโยบายขายหุ้นที่ถืออยู่ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ทั้งสองบริษัทอาจมีการลงทุนที่เข้าข่ายสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาทางอ้อม ขัดกับแนวปฏิบัติของกองทุนฯ
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดดัชนียังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ต่อ เนื่องจากมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรุ่งนี้ แต่รายละเอียดน่าจะเป็นไปตามคาด ไม่ได้เรื่องเซอร์ไพรส์ตลาด โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด แนะติดตามกำหนดนำหุ้นเข้า-ออก SET50 จะมี DELTA หรือไม่ หากมีหรือไม่มี ก็คาดจะได้เห็น Panic ทั้ง Buy และ Sell โดยทุกๆ 10 บาทของการปรับตัวขึ้น-ลง DELTA มีผลต่อดัชนีฯ ประมาณ 1 จุด