หุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ยังคงมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีมาร์เกตแคปรวมสูงที่สุดในหมวดอุตสาหกรรม และในปัจจุบัน (16 ธ.ค.65) หุ้นในกลุ่มนี้ที่มีมาร์เกตแคปเกิน1แสนล้านบาท มีอยู่ทั้งหมด 9 หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มของ บมจ.ปตท. ถึง 5 หลักทรัพย์
1.PTT (บมจ.ปตท.) ผลตอบแทนจากราคา YTD - 17.76% (สิ้นปี 64 ปิด 38.00 บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 31.25 บาท ลด 6.75 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 35.68% จากราคาเป้าหมาย 42.40 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 41.25 / 31.25 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.40% (ปี 65 จ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้งรวม 2.10 บาท/หุ้น ครั้งแรก 0.80 บาท/หุ้น เมื่อ 29 เม.ย. 65 ครั้งที่ 2 จ่าย 1.30บาท/หุ้นเมื่อ 12 ต.ค. 65)
มาร์เกตแคป 892,593.63 ล้านบาท, ค่าP/E 8.85 เท่า,เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 73,302.85 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่ 80,819.10ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9เดือน -9.30%, ราคาร่วงต่อเนื่องจาก ปัจจัยลบทั้ง ราคาน้ำมันดิบ สเปรดธุรกิจปิโตรเคมี และการแทรกแซงเรื่องราคาน้ำมันขายปลีกจากภาครัฐ และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
2.PTTEP (บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม) ผลตอบแทนจากราคา YTD +46.19% (สิ้นปี 64 ปิด 118.00 บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 172.50 บาท เพิ่ม 54.50 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 7.25% จากราคาเป้าหมาย 185.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 195.00 / 115.50 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.90% (ปี 65 จ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้งรวม 7.25 บาท/หุ้น ครั้งแรก 3.00 บาท/หุ้นเมื่อ 18 เม.ย. 65 ครั้ง 2 จำนวน 4.25 บาท/หุ้นเมื่อ 26 ส.ค. 65)
มาร์เกตแคป 684,822.48 ล้านบาท, ค่าP/E 10.39 เท่า,เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 55,290.75 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่ 28,218.33 ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9 เดือน 95.94%, โบรคฯคาดราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัวจากอุปทานตึงตัว ,อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด และ OPEC คาดความต้องการใช้น้ำมันปีหน้าจะเติบโตได้ดี ราคาเริ่มขยับบ้างหลังลดลงหนักเมื่อปลายเดือน พ.ย.
3.GULF (บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์) ผลตอบแทนจากราคา YTD +18.58% (สิ้นปี 64 ปิด 45.75 บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 54.25บาท เพิ่ม 8.50 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 15.67% จากราคาเป้าหมาย 61.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52 สัปดาห์ คือ 57.25 / 40.50 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.81% (ปี 65 จ่ายปันผล 1ครั้ง 0.44บาท/หุ้น เมื่อ 28 เม.ย. 65)
มาร์เกตแคป 636,523.39 ล้านบาท, ค่าP/E 70.29 เท่า,เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 6,011.92 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่ 4,626.87ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9เดือน 29.93 %,โบรคฯ คาดกำไร Q4/65F กลับมาโดดเด่นอีกครั้งตามการเริ่ม COD ใหม่โครงการ GSRC หน่วยที่ 4 อีก 662.5 MW ราคาก๊าซธรรมชาติเริ่มลดลงและ High season ของ Wind farm ที่เยอรมนี ขณะราคาขยับ รับอานิสงค์ กกพ. ประกาศขึ้นค่า Ft ภาคธุรกิจงวดใหม่รอบ ม.ค.-เม.ย.66
4.EA (บมจ.พลังงานบริสุทธิ์) ผลตอบแทนจากราคา YTD +0.26% (สิ้นปี 64 ปิด 96.00 บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 96.25 บาท เพิ่ม 0.25 บาท), ราคาล่าสุด ดาวน์ไซด์ 6.49% จากราคาเป้าหมาย 90.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52สัปดาห์ คือ 105.50 / 76.50 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.31% (ปี 65 จ่ายปันผล1ครั้ง 0.30 บาท/หุ้น เมื่อ 20 พ.ค. 65)
มาร์เกตแคป 359,012.50 ล้านบาท, ค่าP/E 49.09 เท่า,เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 5,432.04 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่4,218.76 ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9 เดือน 28.76%,EA กำลังปรับเปลี่ยนการดำเนินงานจากบริษัทที่ทำเรื่องของพลังงานหมุนเวียน มาเป็นบริษัทที่เน้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV พัฒนาแบตเตอรี่รับรถขนาดใหญ่ ทั้ง รถบรรทุก รถไฟ หัวรถจักร พร้อมดันเทคโนโลยี Ultra Fast Charge
5.OR (บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก) ผลตอบแทนจากราคา YTD -12.96 % (สิ้นปี 64 ปิด 27.00บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 23.50 บาท ลด 3.50 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 21.28% จากราคาเป้าหมาย 28.50 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52สัปดาห์ คือ28.00 / 23.50 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.96% (ปี 65 จ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้งรวม 0.54 บาท/หุ้น ครั้งแรกจ่าย 0.19 บาท/หุ้นเมื่อ 28 เม.ย. 65 ครั้งที่ 2 จ่าย 0.35 บาท/หุ้นเมื่อ 19 ก.ย. 65
มาร์เกตแคป 282,000.00 ล้านบาท, ค่าP/E 20.94 เท่า,เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 11,113.91 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่ 9,120.62 ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9 เดือน 21.85%, 16 ธ.ค. 65 ทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน โบรคฯระบุปัจจัยกดดัน กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ หยุดลงทุนและนำหุ้นออกจาก พอร์ต จากปัจจัยลงทุนในเมียนมา
6.GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) ผลตอบแทนจากราคา YTD -17.75% (สิ้นปี 64 ปิด 88.75 บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 73.00 บาท ลด 15.75 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 2.74% จากราคาเป้าหมาย 75.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52สัปดาห์ คือ 89.75 / 57.25 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.05% (ปี 65 จ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้งรวม 1.20 บาท/หุ้น ครั้งแรกจ่าย1.00บาท/หุ้น เมื่อ 20 เม.ย. 65 ครั้ง 2 จ่าย 0.20 บาท/หุ้น เมื่อ 21 ก.ย. 65)
มาร์เกตแคป 205,840.24 ล้านบาท, ค่าP/E 82.46 เท่า,เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 1,327.86 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่ 6,150.34ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9 เดือน -78.41%, GPSC ถูกนักวิเคราะห์เลือก top pick ที่คาดได้ประโยชน์ ft ขาขึ้น มากสุดในกลุ่ม และราคาหุ้นยัง laggard
7.TOP (บมจ.ไทยออยล์) ผลตอบแทนจากราคา YTD +9.09 % (สิ้นปี 64 ปิด 49.50 บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 54.00 บาท เพิ่ม 4.50 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 20.37% จากราคาเป้าหมาย 65.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 63.25 / 47.25 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.40% (ปี 65 จ่ายปันผลไปแล้ว 2ครั้งรวม 4.00 บาท/หุ้น ครั้งแรกจ่าย 2.00 บาท/หุ้นเมื่อ 25 เม.ย. 65 ครั้ง 2 จ่าย 2.00 บาท/หุ้นเมื่อ 25 พ.ย.65
มาร์เกตแคป 120,627.12 ล้านบาท, ค่าP/E 3.21 เท่า,เทียบกำไร 9เดือน ปี 65 อยู่ที่ 32,521.31 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่ 7,545.35 ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9 เดือน 331.01%,คาดไตรมาส 4/65 หลังโควิดคลี่คลายทำให้เกิดการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้เชื้อเพลิงสำหรับทำความร้อนในช่วงฤดูหนาวส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจการกลั่นมีแนวโน้มดีขึ้น
8.BANPU (บมจ.บ้านปู) ผลตอบแทนจากราคา YTD +28.30% (สิ้นปี 64 ปิด 10.60 บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 13.60 บาท เพิ่ม 3.00 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 21.32% จากราคาเป้าหมาย 16.50 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 15.00 / 10.50 บาท ,อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.40% (ปี 65 จ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้งรวม 0.70 บาท/หุ้น ครั้งแรกจ่าย 0.25 บาท/หุ้น เมื่อ29 เม.ย. 65 ครั้ง 2 จ่าย 0.45 บาท/หุ้น เมื่อ 30 ก.ย. 65)
มาร์เกตแคป 120,627.12 ล้านบาท, ค่า P/E 3.21 เท่า,เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 40,797.23 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่6,365.60 ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9 เดือน 540.90%, บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองฤดูหนาวที่มาช้ากว่าปกติในประเทศฝั่งตะวันตก จะช่วยหนุนให้ราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ จะทรงตัวได้สูง YoY ใน Q1/63E ในขณะที่ คาดว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวต่ำ YoY จากฐานที่สูงและความกังวลด้านเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
9.BGRIM (บมจ.บี.กริม เพาเวอร์) ผลตอบแทนจากราคา YTD -1.85% (สิ้นปี 64 ปิด 40.50บาท ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ปิด 39.75บาท ลด 0.75 บาท), ราคาล่าสุดมีอัพไซด์ 8.18% จากราคาเป้าหมาย 43.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 41.25 / 29.75 บาท , อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.06% (ปี 65 จ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้งรวม 0.30 บาท/หุ้น ครั้งแรกจ่าย 0.27 บาท/หุ้น เมื่อ12 พ.ค. 65 ครั้งที่ 2 จ่าย0.03 บาท/หุ้น เมื่อ 9 ก.ย. 65
มาร์เกตแคป 103,624.28 ล้านบาท, ค่าP/E N/A เท่า, เทียบกำไร 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ -699.20 ล้านบาท ขณะกำไร 9 เดือน ปี 64 อยู่ที่ 2,080.41 ล้านบาท ,อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 9 เดือน N/A%,โบรกฯประเมินงบผ่านจุดต่ำสุดช่วง Q3/65 แล้ว มอง Q4/65 เป็นจุดเริ่มต้นฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดให้ผู้สนใจยื่นขอผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ ในรูปแบบ Feed in Tariff ระหว่างปี 2565-2573 จำนวนทั้งหมด 5,203 เมกะวัตต์ ซึ่งเชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ากลับมาคึกคักได้อีกครั้ง