“โฮมโปร” สร้างสีสัน เติมความสุขให้ลูกค้า ดึงศิลปินไทย “จี๊ป-ภาสินี คงเดชะกุล” ศิลปินนักวาดภาพ ออกคอลเลกพิเศษต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ด้วยไอเดีย “Enjoy Every Moment” พร้อมส่งผ่านผลงานไปสู่กลุ่มเป้าหมาย Gen Y วางเป้าขับเคลื่อนยอดขายต่อเนื่องไปถึงปี 66 ไม่น้อยกว่า 35 ล้านบาท เผยปี 66 มุ่งเน้นพัฒนาสินค้ารับเทรนด์ ECO วางเป้ากลุ่มไพรเวทแบรนด์ มีระดับสัดส่วนรายได้ 25% เทียบยอดขายรวมทั้งกลุ่ม
น.ส.อิษฏพร ศรีสุขวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ-กลุ่มงาน Design & Product Development บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยระหว่างการเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษต้อนรับเทศกาลปีใหม่ว่า ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ต้องอยู่ภายในที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะที่ตัวเลขกลุ่มสินค้าภายในบ้านของโฮมโปร ช่วงที่เกิดโควิด-19 มียอดขายที่ดีและเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง พนักงานของโฮมโปรยังคงดูแลเรื่องบ้านให้ลูกค้าได้
“โฮมโปรมีไอเดีย Collaboration เพื่อมีส่วนในการส่งมอบความสุขให้ลูกค้า สร้างความสดชื่นให้ลูกค้า สร้างความสบายให้การอยู่อาศัยภายในบ้าน ภายใต้โปรเจกต์ “Homeepro X Jeep Kongdechaku” เป็นการพัฒนาสินค้าโฮมโปรของเราให้มีสีสัน และมีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นการร่วมงานและสนับสนุน Thai Artist ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเพื่อถ่ายทอดผลงานความสร้างสรรค์นี้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย Gen Y ที่ชื่นชอบการตกแต่งสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ให้บ้าน และมีความรักในสินค้าดีไซน์โดดเด่นมีเอกลักษณ์”
โดยโปรเจกต์ Collab ในครั้งนี้ มีการออกคอลเลกชันพิเศษ “Enjoy Every Moment” : ความรูสึกดีๆ เกิดขึ้นได้ทุกวัน ออกแบบลวดลายสำหรับสินค้าโดย “จี๊ป-ภาสินี คงเดชะกุล” ศิลปินนักวาดภาพประกอบจาก The Factory Studio & Art House ที่มีลายเส้นและเทคนิคเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคาแร็กเตอร์ชัดเจนในความโดดเด่นเรื่องการใช้สีที่สดใสและสดชื่น และยังเป็นนักวาดภาพประกอบสายแฟชั่นที่เคยร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับหลายแบรนด์ดัง เช่น ลวดลายบนรถยนต์ เสื้อผ้า เครื่องใช้ เครื่องสำอาง ภาชนะอาหารเครื่องดื่ม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรูปแบบการทำงานที่หลากหลายของคุณจี๊ปนั้น ตอบรับกับโจทย์ในการนำผลงานมาเพิ่มลวดลายลงบนสินค้าของโฮมโปร ในช่วง Season Gift & Giving ที่กำลังจะมาถึงนี้ ทั้งในกลุ่มสินค้า House Brand กลุ่ม Textile สินค้าเฟอร์นิเจอร์ สินค้าจัดเก็บ สินค้าเทียนหอม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นกลิ่นอายของความเป็นผู้หญิง เป็นกลิ่นอายของความสดชื่นในช่วงตกแต่งบ้าน ขณะเดียวกัน กลุ่มแม่บ้านก็มีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าเพื่อตกแต่งบ้านเช่นกัน
“โฮมโปรเห็นถึงโอกาสในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภค เริ่มด้วยตัวสินค้าโฮมโปรของเราที่มีคุณภาพดีและมีหลากหลายเซกเมนต์ ถูกเติมเต็มและจัดสรรด้วยลวดลายความสวยงาม ที่ใส่คุณค่าการออกแบบของศิลปินเข้าไปในตัวสินค้า ในระดับราคที่ไม่แพง เริ่มต้นที่ 69 บาท ทั้งที่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ของตกแต่งบ้าน หรือของขวัญในโอกาสพิเศษ เช่น โต๊ะ ตู้ ผ้าห่ม กระถางต้นไม้ กล่องกระดาษทิชชู กล่องอาหาร กล่องใส่ของ ถ้วยจานชาม จากแบรนด์ Furdini, HLS, KECH, Stacko, MOYA, Porrin, Spring และอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยให้บ้านมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม และช่วยสร้างความรู้สึกดีๆ ให้คนในบ้านได้ทุกวันและทุกครั้งที่ใช้สินค้า ซึ่งโปรเจกต์ดังกล่าวจะดำเนินการต่อเนื่องไปถึงปี 2566 คาดหมายสร้างยอดขายสินค้าในคอลเลกชันพิเศษมากกว่า 35 ล้านบาท”
น.ส.อิษฏพร กล่าวถึงกลยุทธ์ในการพัฒนาโปรดักต์ของโฮมโปรนั้น เรามียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนมาก คือ 1.เน้นกลุ่มสินค้ารักษ์โลกมากขึ้น หรือ ECO Products เป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ ความปลอดภัย และรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับกับกฎหมายของแต่ละประเทศ และให้เข้ากับเทรนด์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง
“กลุ่มสินค้า ECO Products เราจะดำเนินการไปเรื่อยๆ เท่าที่เราจะสามารถทำได้ ที่เราต้องพูดคำนี้ เพราะในเชิงของการผลิต โรงงาน และต้นทุนต่างๆ ที่จะมาเอื้อต่อการทำสินค้าในกลุ่มนี้ราคาจะปรับไปล่วงหน้าแล้ว จะแพงกว่า ดังนั้น เราต้องรอเวลา รอดีมานด์ของตลาดโลก เมื่อถึงระดับที่เหมาะสมทางโฮมโปรจะเข้าไปดูแลร่วมกัน เพื่อให้เกิดการแชร์ต้นทุนร่วมกันได้ โดยไม่ผลักภาระไปถึงผู้บริโภค เราต้องดูว่า 1.ลูกค้าพร้อมรับหรือไม่ 2.ตลาดพร้อมรับได้หรือไม่ ดังนั้น ราคา และเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อตลาดและลูกค้า”
2.และการตอบโจทย์กลุ่มสินค้าเทสดี แอนด์ ไลฟ์สไตล์ ซึ่งเราพบว่ากลุ่ม Gen Y คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ มีบทบาทมากในเศรษฐกิจต่อการทำงาน มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีบทบาททั้งต่อหน้าที่การทำงาน ต่อสังคม มีกำลังซื้อที่สูง และไลฟ์สไตล์จะเปลี่ยนไปจากกลุ่ม Gen X ที่มีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่แตกต่างกันในยุคสมัย ซึ่งคอลเลกชันพิเศษยังสามารถตอบสนองต่อแม่บ้านในกลุ่ม Gen Y ได้เช่นกัน
และ 3.กลุ่มงานฟังก์ชัน ที่ทางโฮมโปรจะทำตลาดให้เต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มีการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มงานตัดและตกแต่งต้นไม้ กลุ่มงานเจาะ กลุ่มสินค้าภายในห้องน้ำ เป็นต้น
สำหรับแผนการพัฒนาสินค้ากลุ่มไพรเวทแบรนด์ (Private Brand) นาฝ ส.อิษฏพร กล่าวว่า เราตั้งเป้าทุกปีจะต้องเพิ่มสินค้าในกลุ่มนี้ เพื่อให้สามารถสร้างยอดขายให้ได้ถึง 25% ของยอดขายรวมโฮมโปร เป็นระดับตัวเลขที่มากในมุมมองของเรา แต่ยังมีบางสินค้าที่ยังไม่พร้อมเข้าไปทำตลาด เช่น กลุ่มไฟฟ้า สินค้าทีวี ที่ลูกค้ายังติดในเรื่องแบรนด์อยู่ แต่สินค้ากลุ่ม Mass เรามีการพัฒนาสินค้าออกมาให้ลูกค้า รวมถึงสินค้าที่ลูกค้าไม่ได้ยึดติดในแบรนด์มาก ซึ่งโฮมโปรมีความตั้งใจในการทำสินค้าที่มีคุณภาพ คัดสรรผู้ผลิตที่ดีพอ คุณภาพที่ดี ความมั่นใจตรงนี้ เพราะเรามีทีมพัฒนาสินค้า ทีมออกแบบที่มาสนับสนุนในการออกสินค้า ดูแลการผลิตสินค้า เป็นสิ่งที่ทางโฮมโปรได้ลงทุนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง
