บริษัทจดทะเบียนที่ติดทำเนียบมหากาพย์แห่งมหกรรมโกง สร้างความเสียหายย่อยยับถึงขั้นหมดตัว ต้องยกให้บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์นยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC และบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH
แม้เป็นคดีดัง ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ที่ประชาชาผู้ลงทุนให้ความสนใจ แต่หลายปีแล้วที่คดีเงียบหาย แทบไม่มีข่าวความคืบหน้าใดการดำเนินคดีอดีตผู้บริหารบริษัททั้ง 3 แห่ง พร้อมพวกที่ร่วมกระทำผิด
POLAR IFEC และ EARTH เคยเป็นหุ้นร้อน ติดอันดับหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม ราคาขึ้นลงอย่างหวือหวา นักลงทุนจำนวนมากแห่เข้าไปซื้อขาย แต่สุดท้ายบริษัทมีปัญหาฐานะทางการเงิน ราคาหุ้นดิ่งลงเหว และผู้บริหารทั้ง 3 บริษัทถูกกล่าวโทษในความผิดทุจริต และความผิดอื่นมากมาย
กลางเดือนเมษายน 2561 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษนายญาณกร วรากุลรักษ์ อดีตผู้บริหาร POLAR พร้อมพวกรวม 11 ราย ในความผิดร่วมกันสร้างหนี้เทียมจำนวนประมาณ 3.6 พันล้านบาท รวมทั้งลงข้อความเท็จในบัญชีเพื่อเบียดบังทรัพย์สินของบริษัทเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สาม
หุ้น POLAR ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2561 เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูการดำเนินงาน โดยราคาปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 9 สตางค์ และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นติดมืออยู่จำนวน 11,523 ราย
กลางเดือนกันยายน 2560 ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษ นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการ IFEC ในความผิดทุจริตโดยแสวงหาประโยชน์อันมิชอบเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น รวมทั้งยังกล่าวโทษอดีตผู้บริหารและพวกทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ตามมาอีก 2 คดี ในความผิดทุจริต
หุ้น IFEC ถูกพักการซื้อขายวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 และอยู่ระหว่างกระบวนการฟื้นฟูการดำเนินงาน โดยราคาปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 35 สตางค์ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยติดค้างอยู่ใน IFEC จำนวน 19,854 ราย
และกลางเดือนพฤศจิกายน 2561 ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายพิสุทธิ์ พิหเคนทร์ และนายขจรพงศ์ คำดี อดีตผู้บริหาร EARTH พร้อมพวกรวม 17 ราย ในความผิดร่วมกันสร้างหนี้เทียม เพื่อเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทเป็นของตัวเองหรือบุคคลอื่นโดยทุจริต รวมทั้งความผิดอื่นอีกหลายคดี ซึ่งล่าสุด กล่าวโทษซ้ำนายขจรพงศ์ และนายพิสุทธิ์ พร้อมพวกรวม 14 คน ในความผิดสร้างราคาหุ้น
หุ้น EARTH ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว และถูกศาลล้มละลายสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ถือหุ้นติดมืออยู่จำนวนกว่า 1.6 หมื่นราย
การทุจริตของอดีตผู้บริหาร POLAR IFEC และ EARTH เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนทั้ง 3 แห่งล่มสลาย สร้างหายนะถึงขั้นวอดวายให้ประชาชนผู้ลงทุนกว่า 5 หมื่นคน แต่หลังจาก ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ทั้ง 3 คดีเงียบหาย ไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับเรื่องจาก ก.ล.ต.แต่อย่างใด
การทุจริตโดยยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทจดทะเบียน หรือการปั่นหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เป็นคดีร้ายแรงยิ่งกว่าคดีปล้นของอาชญากรทั่วไป เพราะสร้างความเสียหายให้ประชาชนในวงกว้าง แต่ละคดีมีเหยื่อนับหมื่นๆ ราย
กระบวนการสอบสวนดำเนินคดีอาชญากรในตลาดหุ้นจึงควรเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนำตัวกลุ่มคนที่ร่วมกันปล้นประชาชนผู้ลงทุนมาลงโทษอย่างเด็ดขาด
แต่หลายปีแล้วที่ไม่มีใครรู้ว่า คดีโกงใน POLAR คดีโกงใน IFEC และคดีโกงใน EARTH สอบสวนไปถึงขั้นไหน
และบทสรุปสุดท้ายจะเหมือนคดีโกงหรือคดีปั่นหุ้นอีกหลายสิบคดีหรือไม่ โดยตำรวจเป่าคดี หรือตัดตอนคดี แอบสั่งไม่ฟ้องอย่างเงียบสนิท
มูลค่าความเสียหายจากการโกงใน POLAR IFEC และ EARTH รวมกันกว่า 5 หมื่นล้านบาท ประชาชนผู้ลงทุนผู้ถือหุ้นที่ถูกแก๊งอดีตผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั้ง 3 แห่งปล้น มีจำนวนกว่า 5 หมื่นชีวิต
แต่ชาตินี้สังคมอาจไม่มีโอกาสได้เห็นอดีตผู้บริหาร POLAR IFEC และ EARTH ที่สมคบกันโกงต้องชดใช้กรรม