TERRA BKK เผยเทรนด์สร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ตอบโจทย์คนอยากมีบ้านใหม่ เผยพฤติกรรมผู้ซื้อเปลี่ยนแปลงแบบ Realtime อิงผลสำรวจ พบต้องการซื้อบ้านเดี่ยวเพื่อมีสังคมที่ดี วางงบซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญตัดสินใจซื้อบ้านและคอนโดฯ ต้องครบทั้งระบบรักษาความปลอดภัยเยี่ยม เพิ่มนวัตกรรม Smart Home ที่ชาร์จ EV ราคา และเพิ่มพื้นที่สีเขียว ชำแหละพฤติกรรม Gen Z ต้องการบ้านหลังแรก Gen Y มองหาบ้านหลังที่ 2 กลุ่ม Gen X มองหาที่อยู่อาศัยใหม่ ต้องการสังคมที่ดีขึ้น กลุ่ม Baby Boomer เริ่มขยับมองหาคอนโดฯ เหตุมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ใกล้รถไฟฟ้า
งานใหญ่ประจำปี กับ 𝐓𝐞𝐫𝐫𝐚 𝐁𝐤𝐤 ต่อมุมมองเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนแต่ละ Gen ที่มีอิทธิพลต่อการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งในปัจจุบันในอนาคต โดย น.ส.สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวในหัวข้อ "ขบคิด ติดเครื่อง แบรนด์ เพื่ออนาคต" โดยได้เผยผลวิจัย The Most Powerful Real Estate Brand 2022 และผลวิจัยเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคตามแนวคิด "GOOD HEALTH AND WELL-BEING " โดยเก็บข้อมูลแบบออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 84% จาก 1,000 ตัวอย่าง มีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัย โดยกว่า 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าจะซื้อบ้านเดี่ยว และ 29% คาดว่าจะซื้อคอนโดมิเนียม โดยวางงบซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมาจาก 3 ปัจจัย คือ
1.ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ ต้องการเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย 2.บริการหลังการขาย และ 3.สังคมเพื่อนบ้านที่ดี ต้องมีความสุขกายสบายใจ การมีที่อยู่อาศัย คือ มีสภาพแวดล้อมที่ดี ต้องมีการออกแบบการอยู่อาศัยให้ผู้ซื้อ เป็นต้น
"สิ่งที่เราต้องการสื่อสาร อยากให้ทำความเข้าใจผู้บริโภคใหม่ เราเห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปตามดิจิทัล เปลี่ยนแปลงแบบ Real time ลูกค้าปีที่แล้วกับปีนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ตอนนี้คนซื้อไม่ใช่ซื้อบ้านครั้งแรกในชีวิต แต่เป็นกลุ่มที่มีที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว สัดส่วนร้อยละ 36 และมีแผนจะซื้อบ้านภายใน 2 ปี สัดส่วนร้อยละ 30 มองบ้านเดี่ยว คอนโดฯ ราคา 3-5 ล้านบาท ฐานที่เก็บรายได้ใหญ่สุดประมาณ 35,000-50,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ในการสำรวจยังได้รวมกลุ่มผู้มีรายได้ตั้งแต่ 9,000 บาทไปจนถึง 15,000 บาทเข้ามาด้วย เนื่องจากเราพบว่าที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีแนวโน้มเติบโตได้อยู่"
สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคา 3-7 ล้านบาท (Mass) ในกลุ่มบ้านแนวราบทำเลที่ได้รับความนิยม 3 อันดับแรก คือ รังสิต-ลำลูกกา บางใหญ่-บางบัวทอง และบางพลี ขณะที่ ทำเลอยู่อาศัยในกลุ่มคอนโดฯ ที่ได้รับความนิยม 3 อันดับแรก คือ จตุจักร-ประชาชื่น อ่อนนุช-บางนา และพญาไท-อารีย์
สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท (Economy) ในกลุ่มบ้านแนวราบ ทำเลนิยม 3 อันดับแรก คือ ประชาชื่น-รัตนาธิเบศร์ ดอนเมือง-ปากเกร็ด และคลองหลวง และทำเลในกลุ่มคอนโดฯ 3 อันดับแรก คือ รังสิต-ลำลูกกา บางซื่อ-วงศ์สว่าง บางใหญ่ และบางพลี
โดยปัจจัยสำคัญในการซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัย บริการหลังการขายที่ดี สังคมเพื่อนบ้านดี วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างและราคา
เมื่อเจาะลึกลงถึงความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มบ้านแนวราบ พบว่า คนส่วนใหญ่ต้องการบ้านที่มีฟังก์ชันครอบคลุม เช่น Smart Home เพื่อความปลอดภัย นวัตกรรมจัดการคุณภาพอากาศ การออกแบบเพื่อผู้สูงอายุ ที่ชาร์จรถ EV และ Double Volume ขณะที่กลุ่มคอนโดฯ จะให้ความสำคัญกับฟังก์ชันที่เพิ่มความเป็นส่วนตัว เช่น ประตู-ฉากกั้นห้องนอน หน้าต่างบานใหญ่ ครัวปิด ห้องนอนที่สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้
ทั้งนี้ จะเห็นว่าเทรนด์ของผู้บริโภคในปี 2565 จะให้ความสำคัญกับโครงการอสังหาฯ ที่ช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดี มากกว่าการเปรียบเทียบราคาหรือทำเลแบบเมื่อก่อน โดยมีความต้องการหรือคาดหวังบ้านในอุดมคติจะต้องช่วยสร้างความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และต้องสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคลผู้อยู่อาศัยในแต่ละช่วงวัย
ซึ่งข้อมูลที่น่าสนใจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่ม Gen Y อายุ 27-40 ปี มีแผนที่จะซื้อที่อยู่อาศัยถึง 88% โดย 38% ของ Gen Y ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 29% เป็นการซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งส่วนใหญ่มีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-7 ล้านบาท
กลุ่ม Gen Z อายุ 18-26 ปี กว่า 87% มีแผนที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่ง 72% เป็นการซื้อบ้านหลังแรกของ Gen Z และ 17% เป็นการซื้อบ้านหลังที่ 2 โดยสนใจซื้อคอนโดฯ และบ้านเดี่ยว ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ต้องการสังคมที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และต้องการซื้อไว้พักอาศัยในวันทำงาน ในขณะที่เรื่องการจัดการระบบสาธารณูปโภคที่ดี มีนวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวก การก่อสร้างที่ไม่ก่อมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังเป็นเทรนด์สำคัญที่คนกลุ่ม Gen Z มีความต้องการเป็นอันดับต้นๆ
กลุ่ม Gen X มีความสนใจและแผนที่จะซื้อบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-7 ล้านบาท เหตุผลที่ซื้อต้องการสังคมที่ดี ปลอดภัยขึ้น ที่อยู่อาศัยเดิมคับแคบ และซื้อเพื่อลงทุน/เก็งกำไร/ให้เช่า โดยการคาดหวังในแบรนด์ของกลุ่มนี้จะพิจารณาในเรื่องมาตรฐานการก่อสร้างมีคุณภาพ มีบริการหลังการขายที่ดี มีความรับผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจเมื่อได้เป็นเจ้าของ
สุดท้ายที่จะกลายเป็นกลุ่มใหญ่ในสังคมในขณะนี้และเพิ่มขึ้นในอนาคต คือ กลุ่ม Baby Boomer จากการสำรวจพบว่า กลุ่มนี้มีความต้องการและเริ่มมองหาโครงการคอนโดฯ มากขึ้น เพราะสะดวกสบายไม่ต้องขึ้นบันได ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น BTS/MRT เป็นกลุ่มที่ยังต้องการมีสังคมอยู่
ด้านแนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคปี 2565 พบว่ามีสัญญาณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปี 2565 อยู่ที่ 79.3 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 45.4 จากข้อมูลพบว่า กลุ่มเจ้าของกิจการมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าปี 2565 สถานะทางการเงินดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าในอีก 1 ปีข้างหน้า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น อสังหาฯ หรือรถยนต์ เป็นต้น
SC แบรนด์ที่ปรับตัวเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับการประกาศผลรางวัล The Most Powerful Real Estate Brand ประจำปี 2565 ผู้ที่คว้ารางวัลในปีนี้ ได้แก่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC นับ เป็นปีแรกที่ SC ASSET คว้ารางวัล The Most Powerful Real Estate Brand โดยเป็นแบรนด์ที่มีการปรับตัวเติบโตต่อเนื่อง ทั้งการรับรู้ ภาพลักษณ์ และความพึงพอใจ ก่อให้เกิดการสร้างฐานลูกค้าผู้ภักดี ครองตำแหน่งอันดับ 1 ในปีนี้
ขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล Eternal Award สำหรับแบรนด์ที่ครองใจลูกค้าได้ ต่อเนื่องเป็นอันดับหนึ่ง 5 ปีติดกัน เปรียบเสมือนแบรนด์ดาวค้างฟ้าเป็นตำนานในแวดวงอสังหาฯ และบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ในปีนี้สามารถคว้ารางวัล Credence Award แบรนด์ผู้กำหนดบรรทัดฐานคุณภาพและสร้างฝันของลูกค้าได้เป็นจริงสูงที่สุด
และประกาศเกียรติคุณพิเศษให้บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ด้าน Excellence in Cater to Economy Group (แบรนด์ตอบโจทย์คนชั้นกลาง) และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ด้าน Excellence in Green Development (แบรนด์ที่พัฒนามุ่งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม)
การเข้าสู่ Metaverse นั้นพบว่าผู้คนมีประสบการณ์การใช้งานสัดส่วนเพียง 17% และมีความคิดเห็นต่อโลกเสมือนจริงว่าน่าจะมาแทนที่โลกจริงได้ 62% ในขณะที่คนกลุ่ม Gen Z นั้นมีความคิดเห็นว่าโลกเสมือน Metaverse น่าจะเข้ามาแทนที่โลกแห่งความจริงได้สูงถึง 80% มากกว่ากลุ่มคนอื่นๆ โดยการเข้าสู่ Metaverse นั้นเป็นไปเพื่อความบันเทิง (เล่นเกม ดูคอนเสิร์ต) เพื่อการทำงาน (ประชุมออนไลน์) และเพื่อการลงทุน (NFT, Cryptocurrency) และประสบการณ์ต่อบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าสู่ Metaverse นั้นการรับรู้ยังอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับการรองรับผู้บริโภคยุคใหม่นี้ น.ส.สุมิตรา กล่าวว่า ผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องกำหนดจุดยืน จุดขายของตนเองใหม่ เนื่องด้วยผู้บริโภคในวันนี้ไม่ได้มองหาบ้านเพื่อการอยู่อาศัยเพียงเท่านั้น แต่ต้องการหาพื้นที่ที่จะช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ให้เกิดขึ้น ซึ่งโครงการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทศวรรษนี้นั่นคือ การวางแผนการพัฒนาโครงการอสังหาฯ แบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส นั่นเอง