RT เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/65 แนวโน้มดี ชูกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนเข้มข้น รักษาอัตราการทำกำไร เดินหน้ารับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,192.40 ล้านบาท ดัน Backlog ทะลุเป้า 10,943.29 ล้านบาท ด้านผลประกอบการงวด 9 เดือน รายได้รวม 1,696 ล้านบาท
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วยการบริหารเครื่องจักรและบุคลากรให้เพียงพอต่อการดำเนินงานในโครงการก่อสร้าง พร้อมทั้งควบคุมปริมาณวัสดุก่อสร้างด้วยการประเมินแผนการใช้วัสดุก่อสร้างเป็นระยะเพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการใช้งาน รวมถึงการเจรจากับ Supplier เพื่อวางแผนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า
อีกทั้งบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลและเข้ารับงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เข้ารับงานเพิ่มจำนวน 4 โครงการ ได้แก่
งานก่อสร้างงานโยธาสำหรับโครงสร้างถาวร โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ จากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ถึงถนนราชพฤกษ์ และหอปรับแรงดันที่โรงงานผลิตน้ำ มหาสวัสดิ์ พร้อมงานโครงสร้างที่เกี่ยวข้องของการประปานครหลวง งานจ้างเหมาทำการฟื้นฟูทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 หมายเลข 2196 ตอนนางั่ว-ทุ่งสมอ และงานฟื้นฟูทางหลวงหมายเลข 1322 ตอนแม่จา-รินหลวง ของกรมทางหลวง รวมมูลค่า 2,192.40 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 10,943.29 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2565 เป็นต้นไป
สำหรับสัดส่วนงานก่อสร้างของบริษัท แบ่งเป็นงานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน 30.23% งานเขื่อนและระบบชลประทาน 36.98% งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและวิธีเจาะดึงท่อ 11.36% และงานก่อสร้างอื่นๆ เช่น งานก่อสร้างถนน และงาน Slope Protection 21.43%
“บริษัทยังคงมุ่งมั่นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานก่อสร้าง พร้อมดำเนินการตามแผนกลยุทธ์บริหารต้นทุนก่อสร้างที่วางไว้เพื่อรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่ดี อีกทั้งมีการเร่งก่อสร้างและส่งมอบงานที่สะท้อนราคาต้นทุนเดิม แล มีความพร้อมในการรับงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สะท้อนราคาต้นทุนก่อสร้างตามจริง เพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือให้บริษัท ประกอบกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมก่อสร้างเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากปัจจัยต่างๆ นี้ทำให้มั่นใจว่าบริษัทได้ผ่านช่วงต่ำสุดมาแล้ว และต่อจากนี้จะสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายชวลิต กล่าว
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 1,696 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,935 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 70 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 56 ล้านบาท และผลประกอบการไตรมาส 3/2565 บริษัทมีรายได้รวม 605 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 600 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 45 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 11 ล้านบาท